* ระวังแก๊งปุ๋ยปลอม ระบาดที่อีสาน ปลูกข้าวอินทรีย์ กันดีกว่า......ใช้สารเคมี พิมพ์
เขียนโดย Administrator   

ระวังแก๊งปุ๋ยปลอม ระบาดที่อีสาน

ปลูกข้าวอินทรีย์ กันดีกว่า......ใช้สารเคมี

 

                ปลายปีที่ผ่านมาได้พบปะเพื่อนฝูง ฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในแวดวงทำงานด้านการเกษตรกับเกษตรกรชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ด้วยความซอกแซกที่อยากรู้เรื่องการ “ทำนาแบบอินทรีย์” ที่สำเร็จ โดยเพื่อนเกษตรท่านร่างยาวหลายกิโล กับโฟกัสที่ถูกจากเพื่อนเกษตรแดนอีสานท่านหนึ่ง บอกว่า.....ที่จังหวัดเลยของตนเองพบมีปุ๋ยเคมีปลอม สูตร 15-5-30 เครื่องหมายการค้ายี่ห้อหนึ่ง หลายร้อยกระสอบ หนักกว่า 16 ตัน มูลค่าหลายแสนบาท และได้รายงานให้เจ้านาย “อธิบดี” เป็นที่เรียบร้อย โดยท่านเกษตรอำเภอ ปุ๋ยปลอมที่จับได้เป็นปุ๋ยผสมมีปริมาณธาตุอาหารต่ำ เนื่องจากผู้ผลิตใส่ปุ๋ยลงไปไม่ครบส่วน

                ก็เป็นที่น่ายินดี จากการตรวจสอบร้านค้าจำหน่ายปุ๋ยทั่วประเทศร่วม 3 หมื่นแห่ง พร้อมสุ่มตัวอย่างมาตรวจวิเคราะห์ พบปุ๋ยที่ไม่ได้มาตรฐาน 12 % และจากการสุ่มเก็บตัวอย่างมาตรวจวิเคราะห์ พบว่ามีวัตถุอันตรายไม่ได้มาตรฐาน 4 %

                ในฐานะอาชีพแตกต่างจากเพื่อนๆ วัยรุ่นเหลือน้อย (ใกล้ฝั่ง) จึงฝากให้เราช่วยเป็นข่าวว่า มีปุ๋ยปลอมไม่ได้มาตรฐานในพื้นที่ทางภาคอีสานค่อนข้างเยอะ และฝากให้เกษตรกรคัดเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

                ต่างฝ่ายต่างโต้แย้งกันไปมา ผู้เขียนเลยสรุป เอาสั้นๆ ในระหว่างฉลองปีใหม่ว่า ตั๋วเครื่องบินปลอม ทัวร์ปลอม เงินปลอม พระปลอม ไม่มีของดีราคาถูก ลด แลก แจก แถม ขึ้นอยู่กับพวกมึงๆ.....ควรส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตพืชอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี เพื่อความมั่นคงทางอาหาร การพึ่งพาตนเอง และการไม่มีหนี้สินของเกษตร....(โว้ย)

                ก็เลยยกตัวอย่าง พ่อแดง หาทวี   ชาวนา จ.อุบลราชธานี ที่ได้รับเกษตรกร “รางวัลระพีวิจัย” ปี 2555 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา ที่ประสบสำเร็จให้ผลผลิตข้าว ได้เกือบ 2,000 กก./ไร่ และมีต้นทุนการผลิตประมาณ 300-600 บาท/ไร่ (ไม่รวมค่าแรง) ในขณะต้นทุนการทำนาของชาวนาไทยทั่วไป อยู่ที่ราว 5 พันบาท/ไร่ (ไม่รวมค่าแรง)....

                ก็ฝากบอกผ่านเพื่อนๆ พี่น้องชาว “พระพิรุณ” จะลูกแม่ไหนไม่สำคัญ ช่วยเป็นหูเป็นตา เรื่องปุ๋ย สารเคมี ตั้งแต่ ร่ำเรียนเกษตรมาถึงปัจจุบัน ตัวยาสารเคมียังเดิมๆ เปลี่ยนแต่ชื่อการค้าสวยหรู ตัวยายังคงเดิม โฆษณาอย่างบ้าคลั่ง แถมมีออฟชั่นมากมาย.....ทางรอดของเกษตรกรไทยต้องมาจาก “อินทรีย์” ไม่ใช่เคมีและในฐานะ “ลูกพระพิอรุณ” คนหนึ่ง สงสารเกษตรกรไทยเป็นหนี้เป็นสิน โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย....ส้ม วอดวายเป็นสวนๆ จะหมดเมืองฝางอยู่แล้ว ไม่รู้เหลือกี่หมื่นไร่

                ก็อยากฝากบอกถึงระบบข้างบน ตั้งแต่คนนำเข้า คนขาย คนอนุมัติ และคนให้เงินกู้ ดูให้ครบวงจร....โดยเฉพาะโครงการปีที่ผ่านมา การรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ราคาข้าวสูงกว่าท้องตลาด ต้องขอกราบอภัยพี่น้องชาวนาด้วยนะครับ ไม่ได้คิดค้านเพื่อนกระดูกสันหลังของชาติเลย.....ภายใต้โครงการพรหมผืนใหญ่ที่สวยหรู ยังมีผู้เอาเปรียบชาวนาหลายชั้น

                ก็สรุปเอาเป็นว่าทำนาแบบอินทรีย์หรือเคมี อย่างไหนดีกว่ากัน ว่างๆ จะหาสกุ๊ปพิเศษ ชาวนา-เกษตรกรบ้านเราที่ประสบความสำเร็จในการเพราะปลูกมาให้อ่าน และหลายคนระหว่างชนแก้วเพื่อนร่วมรุ่นมีทั้งเพื่อนฝ่ายเคมี และฝ่ายอินทรีย์....เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสผู้เขียนมีโอกาสจะหาข้อมูลนำทั้งสองฟากฝั่งของข้อมูลมาหักล้างถางพง-ระหว่างขั้วเคมี   ขั้วอินทรีย์.....ปีนี้ขอให้เกษตรไทยจงเจริญรวยๆ ตลอดไป

 

พิรุณ  น้อย

 

 

Joomla Templates and Joomla Extensions by ZooTemplate.Com