รอง ผกก.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่

วันที่ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชายแดนไทย-เมียนมา เข้มงวดตรวจสอบการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่ชั้นในของประเทศ ต่อมาทาง พ.ต.อ.ณัฏฐวุฒิ ยุววรรณ ผกก.สภ.แม่สาย นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่สาย ออกตรวจตราในพื้นที่และสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดรายใหญ่กระทั่งต่อมาพบรถยนต์เอนกประสงค์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอจูนเนอร์ สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน กท-231 ลำปาง ขับผ่านเข้าไปในพื้นที่จึงได้เข้าไปสกัดตรวจสอบบริเวณหมู่บ้านธนธานี ม.6 ต.แม่สาย ห่างจากชายแดนเพียงเล็กน้อย

จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบกระเป๋าเดินทางสีดำจำนวน 2 ใบ วางอยู่บนเบาะหลังและวางตั้งกับที่วางเท้าในเบาะนั่งเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ขอเปิดกระเป๋าดังกล่าวออกมาดูปรากฎว่าภายในพบถุงพลาสติกใสอยู่ชั้นนอก แต่ชั้นในมีห่อยาเสพติดซุกซ่อนอยู่เต็มกระเป๋าทั้ง 2 ใบ เมื่อนำออกมาตรวจจับพบว่าเป็นยาบ้าชนิดเม็ดสีส้มรวมจำนวน 800,000 เม็ด นอกจากนี้ยังมียาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาวรวมน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม มูลค่าของกลางทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท จึงได้จับกุมตัวชาย 1 คนไปทำการตรวจสอบหลักฐานและสอบปากคำ ปรากฎว่าชายคนดังกล่าวกลับเป็น พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร ตำแหน่งเป็นรอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงในด้านการปราบปรามยาเสพติดของภาค 5 ด้วย

ต่อมาทาง พล.ต.ต.วันชัย สั่งการให้ พ.ต.อ.วิรัช สุมนาพันธุ์ รอง ผบก.ภ.เชียงราย พ.ต.อ.มานพ เสนากุล ผกก.สส.ภ.เชียงราย ได้เข้าตรวจสอบคดีและสอบปากคำขยายผลร่วมกับชุดจับกุมโดยตรง โดยมีการนำตัว พ.ต.ท.ชำนาญ พร้อมของกลางไปทำการขยายผลอย่างเข้มงวดเนื่องจากเป็นนายตำรวจที่มียศระดับสูง เบื้องต้นมีรายงานว่าตำรวจ ภ.เชียงราย ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยังท้องที่ที่ประจำอยู่ที่ อ.ไชยปราการ เพื่อทำการขยายผลว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าวหรือไม่ ขณะเดียวกันได้มีการรายงานสถานการณ์ไปยัง พล.ต.อ.พงศพัฒน์ พงศ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ให้รับทราบทำให้เบื้องต้นทาง พล.ต.อ.พงศพัฒน์ จะเดินทางไปตรวจสอบคดีที่ ภ.เชียงราย ในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 19 ส.ค.นี้ด้วยตัวเองพร้อมจะแถลงข่าวในคดีนี้ด้วย

ผู้ว่าเชียงใหม่และพระสงฆ์ร่วมทหารปลูกป่าเทิดพระเกียรติแม่

วันที่ 14 สิงหาคม 2557  เวลา 08.00น.

                นายสุริยะ  ประสาทบัณฑิตย์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาร่วมเป็นประธานปลูกป่าเทิดพระเกียรติพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่บริเวณป่าถาวรบ้านปางหมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับโครงการธรรมตามแนวพระราชดำริฯ และโครงการน้ำแลกป่า พร้อมคณะสงฆ์อำเภอไชยปราการ  และทหารศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินสกัดกั้นยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศพส.ชน.) และ ทหารกองกำลังผาเมือง พร้อมส่วนราชการอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ทุกส่วน ได้ร่วมทำการปลูกป่าถาวรขึ้นที่สวนป่าต้นน้ำออกรู บ้านปางจำนวน 7 ไร่ โดยปลูกต้นยางนา และต้นต๋าว จำนวนทั้งหมดประมาณ 1,999 ต้น

                พระครูสถิตธรรมาภิรักษ์  ประธานโครงการธรรมตามแนวพระราชดำริฯ และโครงการน้ำแลกป่า  ได้กล่าวให้โอวาทว่าทุกวันนี้ป่าหายไปมาก และเกิดวิกฤติทางธรรมชาติมากมาย พวกเราทุกคนจะต้องมาร่วมกันฟื้นคืนป่าและธรรมชาติเพื่อประโยชน์ของพวกเรา จากนั้นทางนายสุริยะ  ประสาทบัณฑิตย์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกอบพิธีเทิดพระเกียตริพระราชินีฯได้เปิดกรวยถวายพระพร และฟังบรรยายจากนายชาตรี  กิตติธนดิตถ์  นายอำเภอไชยปราการ เรื่องการปลูกป่าถาวรที่จะดำเนินการทุกๆปีเพื่อให้สิ่งแวดล้อมกับมาเหมือนเดิม  ทางนายสุริยะ  ประสาทบัณฑิตย์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวขอบคุณที่ทุกส่วนมีความแหนหวงป่าต้นน้ำและร่วมกันรักษาและปลูกป่า ตามแนวพระราชดำริของพระนางเจ้าฯที่จะสร้างป่าเพื่อให้มีน้ำ จากนั้นได้ร่มปลูกป่าพร้อมกับประชาชน พระสงฆ์และส่วนราชการ

จับยาบ้าคนโดยสารรถบัสประจำทางสี่หมื่นเม็ดอ้างรับจ้าง

วันที่ 7  สิงหาคม 2557 เวลา 14.00 น.

                ตามนโยบายของ  คสช. ทางสถานีตำรวจภูธรไชยปราการ ร่วมกับทหารกองกำลังผาเมือง และ ตำรวจตระเวนชายแดน 334 ได้ร่วมทำการตั้งด่าน สกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดทั้งรายย่อยและรายใหญ่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.วีระวุฒิ   เนียมน้อย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.ธวัชชัย  เทพบุญ  ผกก.สภ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ สั่งงานให้ พ.ต.ท.นิกร  สุตจริตธรรม สวป. ได้นำทีมงานชุดสนธิกำลังตั้งด่านตรวจเข้ม  ได้ตรวจจับขบวนการค้ายาเสพติด ได้ขึ้นตรวจรถบัสประจำทางสาย ท่าตอน-เชียงใหม่ ของรถบริษัทยานยนต์นครเชียงใหม่ เบอร์ 27 พบผู้โดยสารจำนวนไม่มากที่นั่งมากับรถ  ร.ต.ต.ประชัน  วิลูน  ชุดปฎิบัติการด่านผาหงษ์ ได้ตรวจพบพิรุธหนุ่มสองคน 1.นายพิชิต  สกุลแก้ว อายุ 22 ปีบ้านเลขที่ 32/1 หมู่ 4 ตำบลวังตะแบก  อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร   และ 2.นายสุรชัย  มาน้อย  อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 18/3  หมู่ 4 ตำบลวังตะแบก  อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งนั่งมาในรถจึงสอบถาม และให้เจ้าตัวแสดงถึงสิ่งของที่มากับตัว ทั้งสองได้นำเอากระเป๋าเป้แบบสะพายหลัง ซึ่งนายพิชิต  สกุลแก้ว สีน้ำเงินแถบขาว และนายสุรชัย  มาน้อย  สีดำล้วน จึงได้เชิญตัวลงจากรถทั้งสองพร้อมสัมภาระดังกล่าว เมื่อมาเปิดตรวจสอบมีทั้งตำรวจภูธรไชยปราการ ร่วมกับทหารกองกำลังผาเมือง และ ตำรวจตระเวนชายแดน 334 และ พ.ต.ท.นิกร  สุตจริตธรรม สวป. ร่วมในการตรวจสอบ พบว่าในกระเป๋าทั้งสองใบมีห่อสิ่งของห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 3 ห่อ และห่อพลาสติกสีเหลือง 1 ห่อ โรยด้วยพริกไทย ใส่ในกระเป๋าๆ ละ2ห่อ ตรวจดูภายในเป็นยาบ้า ตรามือไขว้  รวมทั้งหมดแล้วประมาณ 40,000  เม็ด ซึ่งทั้งสองได้รับสารภาพว่ารับจ้างนายทุนมา เป็นเงินค่าจ้าง 40,000 บาท แบ่งคนละ 20,000 บาท โดยได้นั่งมากับนายทุน เมื่อมารับของจากชาวเขาชื่อ คม แล้วนายทุนก็ให้ทั้งสองคนบรรจุสิ่งของในเป้สะพายหลัง ขึ้นรถบัสประจำทาง และนายทุนก็จะรอที่สถานีขนส่งช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ และจะรับตัวไปขึ้นรถทัวร์ที่อาเขตเชียงใหม่ เพื่อไปลงปลายทางที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งทางตำรวจกำลังขยายผลตามอยู่

ห้องควบคุมโรงแฟ้นยางระเบิดตายหนึ่งรอกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ

 เวลา  15.00 น. 6 ส.ค. 57

                พ.ต.อ.ธวัชชัย  เทพบุญ  ผกก.สภ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ รับแจ้งห้องควบคุมโรงแฟ้นยาง (โรงผสมยางแอสฟลั้นกับหิน เพื่อใช้ทำถนนแอสฟลั้น) ระเบิดตายหนึ่งคน  จึงได้เรียก พ.ต.ท.สมบัติ  กาละสุข  สารวัตรสอบสวน สภ.ไชยปราการไปยังที่เกิดเหตุ 41/4 หมู่ที่ 6 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ  จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบริษัท เชียงใหม่สหศิลา จำกัด พร้อมกับทางตำรวจตระเวนชายแดน 334 ที่เข้าในพื้นที่  ซึ่งเป็นโรงโม่หิน และจำหน่ายหินเพื่อการก่อสร้าง  พบสภาพห้องควบคุมโรงแฟ้นยางระเบิดเศษวัสดุกระจัดกระจายไกลกว่า 30 เมตร ฝาผนังห้องพังกระจกหน้าต่างพังหลังคาทะลุ กระจัดกระจายทั่วบริเวณที่แฟ้นยางแอสฟัน พบ นายอภิเชษฐ์  วรรณนา  อายุ 23 ปี บ้านเลขที่89/1 หมู่ที่ 10 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ  จังหวัดเชียงใหม่ นอนสงบนิ่งอยู่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไชยปราการเพื่อทำการรักษาด่วน แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสินใจกลางทางก่อนถึงโรงพยาบาล จากการตรวจที่เกิดเหตุไม่ทราบว่าการระเบิดเกิดจากวัตถุใดเพราะ นายอัฐพงษ์  มาเชียง ผู้จัดการ บ้านเลขที่ 60/1 หมู่ที่ 7 ตำบลสันทราย อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งว่าโรงโม่หินนี้เลิกทำการระเบิดหินมานานหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่จะต้องไปซื้อหินที่ทำการระเบิดแล้วมาทำการโม่ จึงแน่ใจได้ว่าไม่ใช่ระเบิดที่เป็นพวกที่ใช้ในการระเบิดหินแน่นอน แต่ว่าห้องควบคุมโรงแฟ้นยางนี้ จะมีวัตถุไวไฟหลายอย่าง เช่น เบนซิน, ทินเนอร์ ที่ใช้ในการล้างยาง ออกจากวัสดุเครื่องแฟ้นยางแอสฟลั้น  แต่พบว่ามีเครื่องมอเตอร์หินเจียรมือถือตกอยู่ใกล้ผู้ตาย พร้อมมีดที่ได้รับการเจียรมาข้างหนึ่งอีกข้างยังไม่ได้เจียร จึงคาดการว่าน่าจะเป็นเพราะสะเก็ดไฟจากหินเจียรตกใส่วัตถุไวไฟที่วางอยู่ชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่ง พ.ต.ท.สมบัติ  กาละสุข  สวส.สภ.ไชยปราการ ได้แจ้งให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบอีกครั้งว่าน่าจะเป็นวัตถุชนิดใดที่ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น