เด็กปะหร่องกล่าวขอบคุณในหลวงที่ให้ที่อยู่อาศัยและที่ทำกินการศึกษา

วันที่ 2 ธันวาคม  2556 เวลา 08.00 น.

                บนดอยอ่างขาง บ้านนอแล หมู่ที่ 14 ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีชาวเขาเผ่าปะหร่อง (ดาราอั้ง) ที่อพยพจากพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วยความอดอยากและความโหดร้าย ในการถูกรุกรานจากทหารป่า ได้เข้ามา และเข้าเฝ้าประเจ้าอยู่หัวครั้งทรงเสด็จดอยอ่างขาง ปี พ.ศ.2512  และขออาศัยอยู่ในประเทศไทยและจะเป็นกลุ่มชนเผ่าที่ดีต่อประเทศชาติไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอนุญาตให้อาศัยอยู่ในเมืองไทย และทรงพระราชทานที่ดินเพื่ออยู่อาศัย และที่ดินทำมาหากินในการทำการเกษตร และทำให้กลุ่มชนเผ่าปะหร่องได้สร้างความเจริญให้กับตนเองและประเทศชาติ และได้รับสัญชาติไทยเกือบ 100 % แล้ว และยังได้ทำการเกษตรปลอดสารพิษ ส่งโครงการหลวงมีรายได้จนร่ำรวย และขายของที่ผลิตด้วยมือ เด็กทุกคนได้รับการศึกษาถึงระดับชั้น ป 6  ที่โรงเรียนบ้านขอบด้ง และ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนบ้านคุ้ม ในพื้นที่บนดอยอ่างขาง

                ด.ญ.  ฮง  คำยุง  เด็กชนเผ่าปะหร่อง นักเรียนระดับชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนบ้านขอบด้ง ได้กล่าวว่า ในหลวงทรงพระเมตตาพระราชทานที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้กับชาวปะหร่องนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณรักในผืนแผ่นดินไทยพวกเราขอให้ในหลวงพระเจริญ และมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไป ถ้าไม่มีพระองค์ให้ที่อยู่กับพวกเราพวกเราก็คงไม่มีในวันนี้ ขอขอบพระคุณพระองค์มากคะ จะเป็นเด็กดีของสังคมและจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดคะ

                ด.ญ.  วีระยา   ธรรมเงิน   เด็กชนเผ่าปะหร่อง นักเรียนระดับชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนบ้านขอบด้ง ได้กล่าวว่า ในความรู้สึกของหนู ถ้าไม่มีพ่อหลวงทรงพระเมตตาพระราชทานที่อยู่อาศัยพวกหนูก็ไม่รู้ว่าพวกหนูจะไปอยู่ที่ไหน หนูดีใจมากและขอให้มีพ่อหลวงทรงพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไป

ทหารช่วยคุ้มครองคณะแพทย์พยาบาลเข้าช่วยตรวจรักษาหมู่บ้านห่างไกลชายแดน 

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2556  เวลา 15.00 น. 

                ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ มีโครงการเข้าทำการตรวจรักษาพยาบาลประชาชนชนเผ่าในพื้นที่ชายแดน ทุกหมู่บ้านที่อาศัยห่างไกลจากโรงพยาบาล มีหมู่บ้านดอยเวียงผา หมู่ที่ 18 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลที่สุดของตำบล  เส้นทางสัญจรลำบากต้องใช้รถขับเคลื่อน4 ล้อเท่านั้น เข้าในพื้นที่และเป็นพื้นที่อันตราย ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตรใช้เวลาในการขับรถ 2 ชั่วโมงเศษ จากโรงพยาบาลถึงหมู่บ้าน  จึงได้ขอความร่วมมือกับ กองบังคับการควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง เข้าช่วยเหลือ โดย ขอรถในการขนส่งยารักษาโรคและแพทย์พยาบาล และขอทหารช่วยในการช่วยตัดผมให้กับเด็กๆ และชาวบ้าน  โดยทางผู้บังคับกองบังคับการควบคุมที่ 2 ให้ ร.อ. มานพ  พงษ์เหล่าขำ นำรถและทหารเข้าช่วยเหลือช่วยคุ้มครองความปลอดภัยนำคณะแพทย์พยาบาลเข้าช่วยตรวจรักษาชาวบ้านหมู่บ้านดอยเวียงผา ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ประมาณ 280 คน จำนวน 80 ครัวเรือน จากการเดินทางนั้นต้องใช้รถ 4 วิล ใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง ในการเข้าถึงหมู่บ้าน  ได้ทำการตรวจรักษาพยาบาลชาวบ้านทันที พบว่าส่วนมากจะเป็นหวัดเพราะเริ่มเปลี่ยนอากาศและอากาศเย็นลงมากกลางคืน 8-12 องศาซี กลางวัน 20-22 องศาซี และพบว่าเด็กส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด และพบว่าเด็กขาดสารอาหาร และประชาชนยากจน ขาดเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ตรวจพบ แม่เฒ่าวัย โย  ขจรจิตรกล อายุ 110 ปี ที่ยังเดินเองได้ได้ป่วยเป็นไข้หวัด ร่างกายค่อนข้างแข็งแรง  ความดันปกติ ทางแพทย์ได้จ่ายยารักษาอาการไข้ และหวัดให้ และพบ นางสาวอาบี่  นานานิคม อายุ 40 ปี ป่วยเป็นโรคกระดูก เดินเองไม่ได้ลุกก็ไม่ได้ ต้องนอนอยู่กับบ้านมีแม่ที่ต้องทำการดูแล ซึ่งทางแพทย์และพยาบาล แนะนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการกายภาพบำบัดช่วย  ส่วนทางทหารก็ได้ทำการรับตัดผมฟรีให้กับเด็กๆ  และทางคณะได้นำเอาเสื้อผ้ากันหนาวมือสองที่ซักสะอาดแล้วไปแจกให้กับชาวบ้านด้วย ก็สร้างความพอใจกับชาวบ้าน และให้การต้อนรับทหารและคณะแพทย์พยาบาล อย่างเป็นกันเอง เพราะทหารชุดนี้ได้เข้าให้การช่วยเหลือชาวบ้านเมื่อปีที่ผ่านมา จากการที่น้ำป่ากัดเซาะถนนหนทางและทางทหารได้ทำการช่วยเหลือเข้าซ่อมแซมถนนจนใช้ได้ทุกวันนี้

ทหารมอบผ้าห่มและอุปกรณ์การเรียนปลูกป่าสร้างฝาย

วันที่ 21 พฤศจิกายน  2556 เวลา 1400 น

                พันเอก ธเนศ  กาลพฤกษ์  รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ร่วมกับคณะนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมกิจกรรมกองทัพบกอาสาปลูกป่าสร้างฝายในโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เฉลิมพระเกียรติฯ  ได้เข้ามอบผ้าห่มและอุปกรณ์การเรียนและกีฬาให้กับนักเรียนบ้านขอบด้ง ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่  บนพื้นที่ดอยอ่างขางเพื่อให้เด็กนักเรียนได้มีผ้าห่มป้องกันหนาวในหน้าหนาวนี้ ทางนักเรียนชนเผ่าได้มาทำการแสดงต้อนรับ พร้อมกับได้นำชมศูนย์เรียนรู้ของชาวเขาบ้านขอบด้ง   จากนั้นได้นำคณะออกมาที่ห้วยออด บ้านแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ทำการร่วมปลูกป่า ประมาณ 10 ไร่ และทำการร่วมสร้างฝายที่ห้วยออด บนต้นน้ำแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่จำนวน 9 ฝาย เป็นฝายชะลอน้ำ,ฝายดักตะกอน,ฝายหินกึ่งถาวร

                ด้วยทางคณะนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยากจะร่วมกระทำความดีให้กับชุมชนตามแนวชายแดนโดยให้การช่วยเหลือเยาวชนและประชาชนและอยากเข้าสัมผัสโครงการตามแนวพระราชดำริเพื่อสร้างความดีให้กับแผ่นดินจึงได้เข้าทำการร่วมกับทหารม้า จากกองบังคับการควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง โดยมีนักศึกษาประมาณ 60 คนร่วมกับทหารอีก 40 นาย ร่วม 100 นาย เข้าทำการร่วมกิจกรรมจนแล้วเสร็จ

พระเณรร่วมทหารร่วมยกของเพื่อเตรียมแจกคนยากจน

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2556  เวลา 08.00 น.

            พระครูสถิตธรรมภิรักษ์ (พระนักอนุรักษ์)เจ้าอาวาสวัดป่าไม้แดง อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับบริจาคสิ่งของจากกลุ่มผู้ใจบุญ จากกลุ่มอาเซียน  เพื่อเตรียมแจกในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556  ทางผู้ใจบุญได้ส่ง ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำ และผ้าห่มกันหนาว เสื้อกันหนาว  จำนวน ประมาณ 2,000  ชุด เพื่อเตรียมมอบให้กับประชาชนที่ยากจน ตลอดจนกลุ่มประชาชนที่เป็นอาสาสมัคร  อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน)  ในทุกๆ ปีทางวัดจะร่วมกับญาติธรรม ทำการมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่ยากจนตามชายแดน และให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านทุกปี ตามแต่ทางญาติธรรมจะเข้ามาร่วมสมทบสิ่งของที่จำเป็นและเครื่องกันหนาวในหน้าหนาวเพื่อชายเหลือคนจน  ได้มีคาราวานรถบรรทุกสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำ และผ้าห่มกันหนาว เสื้อกันหนาว  จำนวน ประมาณ 2,000  ชุดสำหรับ สองพันครอบครัว  ทาง  พันเอกกันตพจน์  เศษฐารัศมี  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่4 กองกำลังผาเมือง ให้ทางกองบังคับการควบคุมที่ 2 จัดทหารม้า และทหารพราน เข้าช่วยในการยกสิ่งของที่ร่วมกับพระเณรวัดป่าไม้แดงเพื่อจัดเตรียมเป็นชุดพร้อมแจก ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556  ต้องใช้กำลังทหารและพระเณร ตลอดวันในการยกของลงจากรถ    ทางพื้นที่ อำเภอฝาง อำเภอไชยปราการ อำเภอแม่อาย นั้นเป็นพื้นที่ชายแดน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ทุกปี จะเป็นฤดูหนาวที่ประชาชนคนยากจนไม่อยากให้เกิดฤดูหนาว เพราะเป็นเวลาที่ทรมานอันแสนยาวนาน ยังมีครอบครัวที่ขาดแคลนเครื่องกันหนาว ขาดแคลนอาหาร จำนวนมาก เพราะชุมชนชายแดนในบางพื้นที่ยังมีคนที่ยากจนอาศัยอยู่มากและยังต้องการความช่วยเหลือจากประชาชนหรือคนที่ใจบุญจะหยิบยื่นสิ่งของมาให้ฟรีอยู่หลายพื้นที่ และยังมีหลายพื้นที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะห่างไกลถนนการเดินทางต้องใช้ออฟโรด และเดินเท้าเท่านั้น ทางวัดป่าไม้แดง ยังต้องการสิ่งของอาหารแห้ง เครื่องกันหนาว ทั้งเสื้อ กางเกง และผ้าห่มจำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือคนยากจนในถิ่นทุรกันดาร  สามารถมอบสิ่งของได้ที่วัดป่าไม้แดง ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่