รวบหญิงชราวัย 65 รับจ้างขนยาบ้า 10,000 เม็ด มัดซ่อนขาหนีบและลำตัวรับสารภาพนำส่งที่อยุธยา

         เมื่อ 12.20 น. วันที่ 2 ม.ค. 56 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยปราการ และทหารกองกำลังผาเมือง ประจำจุดตรวจผาหงษ์ ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นางออน วรรณศรี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 214/3 หมู่ 10 ต.ม่อนปิน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 10,000 เม็ด ขณะนั่งโดยสารประจำทาง สายเชียงใหม่ - ท่าตอน หมายเลขทะเบียน 10 – 1659 เชียงใหม่ ผ่านมายังด่าน และเจ้าหน้าที่เรียกตรวจค้น โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขึ้นไปตรวจบนรถอยู่นั้นนางออน ผู้ต้องหาได้แสดงอาการเป็นพิรุธนั่งหนีบขาเกร็งอยู่ตลอดเวลาจึงขอกำลังตำรวจหญิงมาร่วมตรวจค้น ผลปรากฎว่าพบยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด บรรจุในซองสีฟ้า พันด้วยเทปกาวสีดำมัดรวมกันไว้ จำนวน 5 มัด โดยได้นำไปรัดติดกับท่อนขาและบริเวณขาหนีบ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

         นางออน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างนำยาบ้าจำนวนดังกล่าวไปส่งที่ จ.อยุธยา รับค่าจ้างประมาณ 30,000 บาท โดยจะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เพื่อขึ้นรถไฟไปลงที่ จ.อยุธยา แล้วจะมีนางแอ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งภูมิลำเนา อยู่บ้านป่าฮิ้น ต.ม่อนปิน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จะเดินทางมารับยาบ้าจำนวนดังกล่าว แต่มาถูกจับกุมที่ต้นทางเสียก่อน

จับยาบ้าอดีตตำรวจที่ถูกไล่ออก

วันที่ 15 มกราคม 2556 เวลา 09.00 น.

ปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล และตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพื่อให้ขบวนการค้ายาเสพติดหมดไป

               พ.ต.ท.นิกร สุตจริตธรรม สวป.สภ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำชุดปฏิบัติการด่านผาหงษ์ ทำการปราบปรามยาเสพติด โดยการตั้งด่านตรวจร่วมมี ตำรวจภูธรไชยปราการ ตำรวจ ตชด.334 ทหารกองกำลังผาเมือง เข้าทำการร่วมกันทำการตรวจผู้คนประชาชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเพื่อเข้าจังหวัดเชียงใหม่ ทราบว่ามีขบวนการลักลอบนำยาเสพติดนำเอายาบ้าออกสู่พื้นที่ในเมือง จึงทำการตรวจค้นอย่างเคร่งครัดและสุภาพ ทำการตรวจค้น รถแวนสีดำ ทะเบียน ษย-1221 กรุงเทพฯ ขับมาโดย นายเพิ่มศักดิ์  กาวิน อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 100/1 บ้านห้วยโจ้ หมู่ที่ 7 ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซุกซ่อนยาบ้าจำนวน 19,800 เม็ด   และเฮโรอีน จำนวน 10 หลอด น้ำหนัก 42.5 กรัม รับสารภาพว่าทำมาหลายครั้งจนรวยแล้ว และเคยรับราชการตำรวจตระเวนชายแดน แล้วย้ายปฏิบัติราชการตำรวจภูธร และถูกออกจากราชการ เพราะเสพยาเสพติด ขณะถูกจับยังใส่เสื้อเจ็คเกตสีดำของกรมตำรวจ   เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลไปที่บ้านตรวจยึดรถยนต์ เพื่อตรวจสอบที่มาว่าได้มาด้วยการค้ายาเสพติดหรือไม่ ได้รถยนต์ทั้งหมด 4 คัน กระบะ ทะเบียน กอ-8541 เชียงใหม่ , แวนสีดำ ทะเบียน ษย-1221 กรุงเทพฯ, รถเก๋ง ทะเบียน ขข-6745 เชียงใหม่, เก๋งทะเบียน ชช- 6657 กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย มียาเสพติดเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

กรรมการตรวจสอบปัญหากระเทียม

ที่รัฐซื้อช่วยเกษตรกรน้ำหนักหายจากโกดังเก็บ

วันที่ 11 มกราคม 2556 เวลา 10.00 น.                

นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะอนุกรรมการติดตามการใช้เงินกองทุนรวมเพื่อเกษตรกร พร้อมคณะ และนายธเนศพล   ธนบุญยวัฒน์ ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบกระเทียมจากโกดังรับจ้างเก็บของเอกชน ซึ่งทางรัฐบาลได้ว่าจ้างให้เก็บกระเทียม ที่รัฐบาลรับซื้อช่วยเหลือเกษตรกรเมื่อปี 2555 ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีอำเภอไชยปราการ 2 แห่ง และอำเภอแม่อาย 7 แห่ง ซึ่งทั้งหมดรัฐบาลช่วยเหลือ 4 จังหวัด เชียงใหม่, ลำพูน, พะเยา, แม่ฮ่องสอน ซึ่งช่วยเหลือเกษตรกร 6,856 ราย รับซื้อกระเทียมช่วยเหลือเกษตรกรจำนวน 20,634,799 กิโลกรัม เป็นเงินที่รัฐบาลต้องจ่ายช่วยซื้อกระเทียมจากเกษตรกร 719,547,874 บาท โดยได้นำกระเทียมจ้างให้โกดังเอกชน ทำการเก็บกระเทียมและรักษาไม่ให้สูญหาย แต่ได้ทราบว่าในเวลานี้ การเก็บรักษากระเทียมได้ประมาณ 10 เดือน ทำให้น้ำหนักกระเทียมหาย และหัวกระเทียมเริ่มฝ่อแห้งไม่มีเนื้อ และที่สำคัญขายไม่ได้ จึงได้ทำการเดินทางมาทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทราบว่าเจ้าหน้าที่จากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาทำการรับซื้อไม่มีประสบการณ์ในการตรวจเลือกกระเทียม จึงรับซื้อหมดไม่ได้ทำการคัดเกรดกระเทียม เกษตรกรรีบถอนกระเทียมสดอายุยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว และรีบนำตากแดดให้แห้งและนำมาขาย และได้ราคาเท่ากันทุกราย แต่ปัญหาในการเก็บนั้น กระเทียมจะแห้งเร็ว และเนื้อกระเทียมจะฝ่อแห้งไม่มีเนื้อและไม่มีน้ำหนัก ทำให้กระเทียมที่ฝากในโกดังน้ำหนักหาย และที่สำคัญขายไม่ได้ ทำให้รัฐบาลสูญเสียเงินจำนวนมากที่ทำการรับซื้อกระเทียมจากเกษตรกร    

               นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะอนุกรรมการติดตามการใช้เงินกองทุนรวมเพื่อเกษตรกร กล่าวว่า การสูญเสียน้ำหนักของกระเทียมในแต่ละโกดังไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 39-50 % เลยก็ว่าได้ สาเหตุจากการที่เจ้าหน้าที่รับซื้อไม่ได้ทำการคัดเกรดกระเทียม เกษตรกรรีบถอนกระเทียมสดอายุยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวและรีบนำตากแดดให้แห้งและนำมาขาย และได้ราคาเท่ากันทุกราย แต่ปัญหาในการเก็บนั้น กระเทียมจะแห้งเร็วและเนื้อกระเทียมจะฝ่อแห้งไม่มีเนื้อและไม่มีน้ำหนัก ทำให้กระเทียมที่ฝากในโกดังน้ำหนักหาย และที่สำคัญขายไม่ได้ ในอีกไม่กี่ปีจะเปิดการค้าอาเซียนค้าขายแบบเสรี เกษตรกรจะขอให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยตลอดไม่ได้อีกแล้ว จะต้องช่วยเหลือตัวเอง ปลูกกระเทียมที่มีคุณภาพเท่านั้น ที่จะนำมาแข่งขันกับประเทศอื่นๆ และต้องแข่งขันกัน และการนำเอากระเทียมจากโกดัง หรือโรงเก็บออกมาจำหน่าย ถึงวันที่ 8 มกราคม 2556 ส่งมอบเรียบร้อย 55 โกดัง อยู่ระหว่างการส่งมอบ 15 โกดัง รอจำหน่าย 10 โกดัง ซึ่งปริมาณกระเทียมที่ส่งมอบแล้ว 7,988,696 กิโลกรัม ได้รับการชำระเงินแล้วจำนวนเงิน 214,878,007 บาท จากการที่รับบาลลงทุน 719,547,874 บาท ก็ยังสรุปอะไรไม่ได้เพราะว่า กระเทียมยังคงค้างอีกจำนวนหนึ่ง ต้องรอจำหน่ายให้หมดไปใน 2 เดือน เพราะกระเทียมใหม่จะเก็บผลผลิตอีกใน 3 เดือนที่จะมาถึง และรัฐบาลก็คงต้องหาทางออกที่ดีกว่านี้

ตามแนวพระราชดำริฯ เปิดศูนย์อบรมการเพาะเห็ดโคนน้อย

วันที่ 13 ธันวาคม 2555 เวลา 08.00 น.

               นายคุณวัฒน์ สุคันธะกุล นายอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกับทางสถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่พร้อมพระครูสถิตธรรมภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดป่าไม้แดง พร้อมกับ ร.อ. เอกราช กล้วยเครือ ฝ่ายพัฒนาสัมพันธ์มวลชน กองบังคับการควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 5 กองกำลังผาเมือง ได้เปิดศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียง เพื่อชุมชน ร่วมทำการส่งเสริมชาวบ้าน และนักเรียนชาวเขา ที่ต้องการเดินตามแนวทางพระราชดำริฯ ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง โดยได้จัดการฝึกอบรมและปฏิบัติจริง เรื่องการเพาะเห็ดโคนน้อย เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม เพราะว่าเห็ดโคนน้อยนั้นมีผู้นิยมบริโภค เป็นเห็ดที่มีความต้องการของตลาดสูง ลงทุนไม่มากแต่สามารถทำรายได้ต่อครอบครัวสูงมาก มีผลกำไรอย่างงาม สามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง ในวันนี้ทางสถาบันวิจัย และพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ได้ส่งวิทยากร อาจารย์ชัชวาล คันธวิธูร ซึ่งมีความเชียวชาญชำนาญเรื่องเห็ด สถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้มาทำการที่จะสอนชาวบ้านและนักเรียน ที่สนใจเข้าทำการอบรมเรียนรู้การเพาะเห็ด ตั้งแต่การเขี่ยเชื้อจนถึงการเพาะเห็ด เพื่อให้ชาวบ้านทำเองได้ครบวงจร และยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ประชาชนกลุ่มอื่นๆ ที่มีความสนใจเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้ และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและยังมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นมาอีก เป็นการสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง และยังเป็นฐานองค์ความรู้ถ่ายทอดให้กับนักเรียนและชาวบ้านใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี จากการที่ทางสถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ได้ทดลองทำที่บ้านป่าไม้แดง โดยให้กลุ่มชาบ้านทดลองทำได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจมาก จึงได้ทำการขยายผลให้การศึกษาถ่ายทอดองค์ความรู้การเพาะเห็ดโคนน้อยเต็มรูปแบบสู่กลุ่มผู้เพาะเห็ด ให้เรียนรู้สู่ปฏิบัติจริงครบวงจร และเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียง เพื่อชุมชนต่อไป