ชาวสวนหอมหัวใหญ่โวยขายไม่ออก

วันที่ 23 มีนาคม 2555

          ชาวสวนหอมหัวใหญ่ในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โวยรัฐบาล ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ ไม่สามารถที่จะระบายขายผลผลิตได้ ซึ่งในวันนี้นั้นราคาหอมหัวใหญ่ที่ทำสะอาดส่งขายกรุงเทพฯ ราคา กิโลกรัมละ 8 บาท ยังไม่รวมค่าส่งและค่าถุง สวนในการจำหน่ายทั่วไปนั้น ขายไม่ได้เลย สาเหตุมาจาก เมล็ดพันธุ์เถื่อนทะลักเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งมีนายทุนหนุนหลังและขายในราคาที่ถูกกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ทางรัฐบาลควบคุมผ่านทางสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ ทำให้มีพื้นที่ปลูกจำนวนเพิ่มมากขึ้น และผลผลิตก็ออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้ทางกลุ่มผู้ค้า กดราคาซื้อขายลงเหลือในพื้นที่ ไม่ถึง 5 บาท และยังจะมีหอมจากจีนและพม่าทะลักเข้ามาอีก ยิ่งส่งผลให้ราคาตกลงมาก และกลุ่มนายทุนที่ทำการปลูกเอง และปลูกจำนวนมากได้ทำการระบาลผลผลิตของตนเอง ส่งขายในกรุงเทพฯ ราคาไม่ถึง 7 บาท ซึ่งราคาถูกกว่าเกษตรกรส่งขายกรุงเทพฯ ทางเกษตรกรก็ยังหวังการช่วยเหลือจากทางรัฐบาลว่าจะช่วยแบบใด รับจำนำ , ส่งเงินช่วยส่วนที่ขาดทุน หรือหาทางส่งขายไปยังจังหวัด ที่ไม่สามารถปลูกได้ทั่วประเทศ  ก็ยังรอความหวัง  ผู้ที่มีโกดังเก็บก็ไม่เดือดร้อนมาก แต่ผู้ที่ไม่มีโกดังเก็บต้องขายเพราะไม่ขายก็ปล่อยเน่า และหอมที่กำลังเก็บเกี่ยวก่อนหน้านั้น ถูกฝนตกใส่ยิ่งต้องขายให้เร็วที่สุด เพราะจะเน่าจากไส้ในออกมา ต้องขาย เก็บไม่ได้ ปีนี้เกษตรกรโดยผลกระทบทั้งภัยทางธรรมชาติและทางเศรษฐกิจ น่าเห็นใจ

ลูกไฟลอยเหนือยอดพระธาตุอ่างขาง นักท่องเที่ยวตื่นแห่ชม

18 ก.พ. 55 เวลา 18.00 น.

          ที่พระธาตุดอยอ่างขาง บ้านคุ้ม หมู่ที่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระธาตุที่สร้างมานานกว่า 20 ปี เป็นพระธาตุที่บรรจุพระสารีริกธาตุเอาไว้ นานๆ จะมีคนเดินทางไปกราบไหว้ เพราะเป็นพระธาตุที่สร้างอยู่บนภูเขาลับตาคนมากๆ คนมีบุญเท่านั้นที่จะได้พบและใหว้สักการะบูชา มีคนที่มีลูกยากจะมาบนบานขอลูก ก็ได้สมปรารถนาดังใจนึก และมาทำการแก้บน และกราบบูชา

          โดยวันพระที่ผ่านมาได้มีลูกไฟแดงสุกใสลอยขึ้นมาจากเหนือยอดพระธาตุ มีนักท่องเที่ยวเห็นและชี้ให้ดูต่างก็พูดและเข้าใจกันไปต่างๆ นานา  โดยเฉพาะเจ้าของดอยอ่างขางบ้านสวนที่เข้านอนดึก ได้เห็นอย่างชัดเจน และได้เรียกลูกเมียมาดู ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนจนยกมือไหว้ท่วมหัว ทั้งนี้ได้เห็นลูกไฟลอยอยู่เหนือพระธาตุนานมาก จากนั้นได้ลอยออกห่างไปไกลมาก สักพักใหญ่ก็ลอยกลับมาลงยังที่เดิมที่องค์พระธาตุ อย่างไรก็ตามได้มีนักท่องเที่ยวเริ่มขึ้นดอยอ่างขาง เพื่อไปกราบบูชาพระธาตุดอยอ่างขางกันจำนวนมากขึ้นทุกวัน ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่

ทหารล่านายทุนบุกรุกป่าสงวนฯ เผาวอด

4 ก.พ. 55 เวลา 18.00 น.

           ชาวบ้านร้องเรียนมาที่ ร.อ. มานพ  พงษ์เหล่าขำ หัวหน้าชุดปฏิบัติการทหารกองบังคับควบคุมที่ 2ว่ามีการบุกรุกทำลายป่าโดยนายทุนจ้างชาวบ้านตัดต้นไม้และเผาทำลายทรากในพื้นที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา หมู่บ้านหนองป่าซาง หมู่ 8 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการจ.เชียงใหม่ จึงรุดไปที่เกิดเหตุทันทีพร้อมชุดปฏิบัติการฯเพื่อดูพื้นที่และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

           ในช่วงเช้าทาง พ.ต. ณัฐฐา  นวลศรีฉาย รองผู้บังคับกองบังคับควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง และร.อ. มานพ  พงษ์เหล่าขำ หัวหน้าชุดปฏิบัติการทหารกองบังคับควบคุมที่ 2 ฯ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม 24 เหมืองแร่ ปลัด ฝ่ายปกครองอำเภอไชยปราการ อส.ไชยปราการ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา กำนันตำบลหนองบัว ผู้ใหญ่บ้านพร้อมกรรมการหมู่บ้านหนองป่าซาง หมู่ 8 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมเดินทางสำรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หมู่บ้านหนองป่าซาง หมู่ 8 ต.ศรีดงเย็น พื้นที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา ทราบว่านายทุนได้ทำลายป่าไปทั้งสิ้น 21 ไร่เศษ ทำให้รัฐเกิดค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,433,128.60 บาท และตัดทำลายต้นไม้พรวงจำนวน 13 ต้นเป็นมูลค่าเสียหาย 1,800 บาท เป็นพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติที่ติดกับทิศตะวันออกของพื้นที่หมู่บ้านหนองป่าซาง เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้สำรวจความเสียหายแล้วไม่พบผู้กระทำผิดจึงเดินทางกลับ

            ในเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันเดียวกันรับแจ้งว่ามีคนไปลอบเผาต้นไม้ที่ตัดในพื้นที่เสียหาย ร.อ.มานพ  พงษ์เหล่าขำ หัวหน้าชุดปฏิบัติการทหารกองบังคับควบคุมที่ 2 ฯ ร่วมกับ ผู้ใหญ่บ้านพร้อมกรรมการหมู่บ้านหนองป่าซาง หมู่ 8 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ ประมาณ 10 คนได้เข้าพื้นที่พบผู้กระทำผิดกำลังจุดไฟเผาต้นไม้อยู่ประมาณ 2 คน ให้ชุดปฏิบัติการฯ และผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกรรมการหมู่บ้าน  ไล่จับผู้กระทำผิด แต่ด้วยความที่ผู้ไล่อยู่ไกลและอยู่ตีนเขาจึงไม่สามารถที่จะไล่จับผู้กระทำผิดได้ พบว่ามีการเผาต้นไม้ไปหลายต้นและต้นเล็กต้นน้อยนั้นถูกเผาวอดเกือบหมด และที่ตัดยังใหม่ๆ ไม่เกิน2 วัน เป็นชาวบ้านธรรมดาคงไม่สามารถที่จะกล้าลองของกับทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้คาดเป็นนายทุนสั่งงานจ้างจ่ายค่าแรงสูง เพื่อทำลายหลักฐาน จากการสำรวจพื้นที่ไม่สามารถที่จะทำการเกษตรได้เลยเป็นหินทรายและหินธาร ซึ่งเหมาะที่จะทำการเปิดขุดเจาะเอา หินธาร ทราย ขายเท่านั้น น่าจะเป็นกลุ่มนายทุนที่หวังหุบที่ป่าเพื่อนำเอา ทราย และหินธาร ออกขาย ทางทหารพอทราบว่าเป็นนายทุนที่มีอิทธิพลในพื้นที่อำเภอไชยปราการ และมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในหน้าที่ต้องเข้ามาดูแลแล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่เหลือป่าให้เห็นต่อไป ชาวบ้านทราบว่าเป็นใครแต่ไม่กล้าที่จะบอกกับทหารเพราะเกรงกลัวอำนาจมืด ชีวิตใครๆ ก็รัก

กระเทียมราคาถูกเกษตรกรเรียกร้องรัฐบาลช่วยด่วน

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2555  เวลา 10.00 น

          นายบุญมา  กิติใจ  ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรได้นำเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม 3 อำเภอ อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย ประมาณ 700 กว่าคน มาร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยโดยมาชุมนุมกันที่ลานข้างห้องประชุมที่ว่าการอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่อย่างเงียบๆ และสงบ ไม่เดือดร้อนราชการ เพื่อยื่นหนังสือ 2 ฉบับถึงผู้ว่าราชการเชียงใหม่ โดยผ่านนายเทิดศักดิ์  จารุอัคระ นายอำเภอไชยปราการ และถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี โดยผ่านทางนายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่  ซึ่งในการนี้ทางหน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหารในและนอกเครื่องแบบ ได้มาเฝ้าดูการเรียกร้องและเตรียมรถดับเพลิงเพื่อป้องกันการก่อม๊อบ ในเวลาประมาณ 11.00 น. นายบุญมากิติใจ  ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร ได้ยื่นหนังสือให้นายเทิดศักดิ์  จารุอัคระ นายอำเภอไชยปราการเพื่อส่งเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทันที และได้กล่าวกับเกษตรกรว่าจะนำเสนอผู้ว่าทันที จากนั้นเกษตรกรได้รอนายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ ประมาณ 11.20 น. ได้เดินทางมาถึงมารับหนังสือเพื่อนำเสนอต่อ น.ส. ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี และได้ชี้แจงกับเกษตรกรว่าจะช่วยเหลืออย่างช้า 5 วัน แต่การช่วยเหลือนั้นจะต้องช่วยเกษตรกรทุกประเภท ทั้งหอมหัวใหญ่และหอมแดง และกระเทียมที่ส่งผลพ่อค้าซื้อในราคาต่ำมาก และทางเกษตรกรขอช่วยราคากระเทียมในราคา กิโลกรัมละ 15 บาท เพราะต้นทุนการผลิตนั้นราคาสูงถึง 8 บาทต่อกิโลกรัม ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 3,500- 4,000 กิโลกรัมและลงทุนประมาณ 30,000-35,000 บาท ราคาต่ำทำให้เกษตรกรเดือดร้อนและเป็นหนีนอกระบบและ ธกส. จึงเรียกร้อง 3 ข้อ 1.ให้ธกส.ผ่อนผันการส่งคืนเงินกู้ที่ได้นำมาลงทุนเพาะปลูกกระเทียมและให้ขยายวงเงินกู้เพิ่มเพื่อนำมาเป็นทุนไถ่ถอนกระเทียมเพื่อตากแห้งชะลอกระเทียมออกสู่ตลาดอันเป็นปัญหาทำให้กระเทียมราคาตกต่ำ 2.ขอให้รัฐบาลออกมาตรการประกันราคากระเทียมแห้งในราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต 3.ให้รัฐบาลกวดขันและสั่งห้ามการนำเข้ากระเทียมต่างประเทศ จากพม่า และจีน ไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ทางนายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์   สส.เชียงใหม่ ได้ขอตัวแทนเกษตรกรประมาณ 5 คนเข้าร่วมประชุมปรึกษาว่าจะใช้ราคาใดเป็นตัวชี้ว่าจะไม่ขาดทุนเพื่อหาทางออกแล้วจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไปเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทันเวลา