วันที่ 13 ก.ค. 60 เวลา 06.00 น.

คดีแรกในประเทศไทยนำยาบ้าใส่ในเหนียงไก่ ส่งนายทุนตบตาเจ้าหน้าที่ ไร้เอกซเลย์ ก็จับไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถสืบทราบ และจับจนได้ถือว่าเก่งมาก  สืบสวนตำรวจภูธรฝางร่วมกับทหารชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดชุด3 กองบังคับการควบคุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือที่1พร้อมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอฝางและกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอฝาง ตำรวจตระเวนชายแดน334 ได้บูรณาการร่วมการสืบหาแหล่งขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ทางนายชัชวาล ปัญญา นายอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พันเอกชัยยันต์  สิรสุนทร หัวหน้ากองบังคับการควบคุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือที่1 พันตำรวจเอก อรุณศักดิ์  บัวประเสริฐยิ่ง  ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฝาง  พันตำรวจโท นพพร  กราวหนึ่ง ผุ้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน334  พ.ต.ท.สราวุธ  นุชนารถ รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฝางฝ่ายสืบสวน นำชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรฝางร่วมกับทหาร ปกครอง อส.ฝาง ตชด334 นำกำลังออกตามจับขบวนการค้ายาเสพติดทราบว่ามีการนำยาบ้าส่งไปกับรถบรรทุกด่วนของบริษัทเอกชนจาก บ้านปางสัก ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ไปส่งของที่จังหวัดชัยภูมิ  ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการวางแผนเข้าจับกุมที่ถนนโชตนา107 บ้านปางสัก หมู่ที่ 2 ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้พบนายชาญวุฒิ  ศึกสงคราม อายุ 29 ปี บ้านเลขที่121/1  หมู่ที่ 15 ตำบลเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี ได้ขับจักรยานยนต์และมีกล่องบรรจุไก่ชนมาด้วยทางเจ้าหน้าที่จึงได้เรียกหยุดพร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ นายชาญวุฒิ  ศึกสงคราม หน้าซีดเผือดอาการสั่น พูดไม่เป็นคำ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนเจ้าตัวยังไม่รับสารภาพปฏิเสธตลอด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว และไก่ชนจำนวน 2 ตัว ซึ่งบรรจุในกล่องไปทำการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่จับที่คอไก่ก็ทราบว่าคอไก่โตผิดปกติ จึงได้ทำการผ่าตัดคอไก่ทั้ง 2 ตัว ต่อหน้านายชาญวุฒิ  ศึกสงคราม เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายวีดีโอไว้ตลอดเวลา เพื่อเป็นหลักฐาน ได้ทำการผ่าตัด ไก่ ตัวลายขาว และตัวสีดำ โดยผู้ชำนาญ พบว่ามียาบ้าใส่ในถุงยางอนามัยซ้อนกันสองชั้น ตัวลายจำนวน 4 ก้อน ตัวดำจำนวน 3 ก้อน จึงนำมานับรวมกันได้ทั้งหมด 1,383 เม็ด  เจ้าตัวถึงกับร้องไห้โฮ รับสารภาพว่าได้ทำมาแล้ว 3 ครั้ง รวมกับครั้งนี้ 4 ครั้ง  ซื้อไก่มาตัวละ 1,000 บาท แล้วไปรับยาบ้ามาจากผู้หญิงในบ้านหนองยาว ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง มาครั้งละ 2 มัด 4,000 เม็ด แล้วทำการยัดยาบ้าในคอไก่ชนแล้วส่งให้นายราเชนทร์  ไม่ทราบนามสกุล จะเป็นคนจัดการโอนเงินค่ายาบ้าให้กับผู้หญิง ส่วนตัวเองทำหน้าที่ส่งไก่ไปกับรถด่วน จะได้เงินค่าตอบแทนจำนวน ตัวละ 15,000 บาท ซึ่งจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารให้หลังจากรับของเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลเข้าตรวจในบ้านพักเลขที่ 131 หมู่ที่ 12 ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พบซองถุงยางอนามัยจำนวนหนึ่งที่ใช้ถุงแล้ว และมีซองถุงยางอนามัยอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้ใช้ จึงได้นำมาเป็นหลักฐานว่าเป็นตัวจริงที่ได้ทำการส่งยาบ้าให้นายทุน ทางพันตำรวจเอก อรุณศักดิ์  บัวประเสริฐยิ่ง  ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฝาง ได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางมาถ่ายภาพ เพื่อแสดงถึงว่าเป็นลักลอบขนส่งยาบ้าไปกับไก่เป็นคดีแรกในประเทศไทย จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรฝางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

 ขยายผลจากยัดยาบ้าในคอไก่ตามจับแหล่งที่มาได้ 2 ราย

วันที่ 13 ก.ค. 60 เวลา 14.00 น.

ได้บูรณาการร่วมการสืบหาแหล่งขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ทางนายชัชวาล  ปัญญา นายอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พันเอกชัยยันต์  สิรสุนทร หัวหน้ากองบังคับการควบคุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือที่1 พันตำรวจเอก อรุณศักดิ์  บัวประเสริฐยิ่ง  ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฝาง  พันตำรวจโท นพพร  กราวหนึ่ง ผุ้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน334  พ.ต.ท.สราวุธ  นุชนารถ รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฝางฝ่ายสืบสวน นำชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรฝางร่วมกับทหาร ปกครอง อส.ฝาง ตชด.334 นำกำลังออกตามจับขบวนการค้ายาเสพติดทราบว่ามีการจับยาบ้ายัดคอไก่ชนของนายชาญวุฒิ  ศึกสงคราม อายุ 29 ปี บ้านเลขที่121/1  หมู่ที่ 15 ตำบลเพ็ญ จังหวัด ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหวังลดหย่อนโทษตามกฎหมายยาเสพติด จึงได้ชี้แหล่งที่มาของยาบ้าที่ได้ไปรับมาจากสองผัวเมีย ที่บ้านเลขที่ 433 บ้านหลวงหมู่ที่ 10 ตำบลบ้านหลวง  อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าทำการตรวจค้น พบนายจะป้อ  เอติ อายุ 45 ปี และนางนิดา  แอคำ อายุ 31 ปี  บ้านเลขที่ 433 บ้านหลวงหมู่ที่ 10 ตำบลบ้านหลวง  อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสามีภรรยากัน ได้ตรวจค้นในบ้านพบยาบ้าในบ้าน ในกระเป๋าสะพาย นับจำนวนได้ทั้งหมด ประมาณ 4,000 เม็ด รับสารภาพว่ามียาบ้าเอาไว้ขาย และเสพด้วย เป็นคนส่งยาบ้าให้กับ นายชาญวุฒิ  ศึกสงคราม ที่นำไปยัดคอไก่ส่งนายทุน  เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรฝางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว