วันที่ 27 ธันวาคม  2559  เวลา 07.00 น.

จากการที่ทาง คสช. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ส่วนราชการทุกส่วน ได้ช่วยเหลือกัน บูรณาการร่วมกันในการปราบปรามยาเสพติด ทางแม่ทัพภาค3 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ต่างได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ได้เข้าช่วยเหลือกันอย่างเคร่งครัด ทาง พันตำรวจเอกชำนาญ  ถนัดหนังสือ ผกก.สภ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกับพันตำรวจโท นิกร  สุตจริตธรรม สวป.สภ.ไชยปราการ ได้นำกำลังทั้งชุดปฏิบัติการด่านผาหงส์, ทหารกองกำลังผาเมือง, ตำรวจตระเวนชายแดน 334 , สุนัขทหาร ทำการตั้งด่านชั่วคราวกึ่งถาวร ที่บ้านผาหงษ์ หมู่ที่ 14 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ทำการตรวจเข้มรถยนต์ และผู้ที่สัญจรไปมาทั้งขาล่องลงเชียงใหม่  ขาขึ้นอำเภอฝาง เพราะว่าในช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศหนาวดอยสวยดอกไม้แปลกในพื้นที่ทางเหนือ ทำให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนได้โอกาสที่จะลักลอบนำยาเสพติดลักลอบเข้าในเมืองตอนกลางของประเทศ ซึ่งกลุ่มขบวนการได้ทำการทุกวิธีการที่จะนำเอายาเสพติดเข้าจำหน่ายยังในกรุงเทพฯ และเมืองชั้นใน เพราะนายทุนต้องการสูง มีราคามากกว่าในพื้นที่ชายแดน ชุดร่วมปฏิบัติการด่านผาหงษ์ ได้ตรวจรถบัสประจำทาง เชียงใหม่-ท่าตอน ได้พบพิรุธหนุ่มชาวเขาทราบชื่อ นายจะคะ  จะวะ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 165 หมู่ที่ 15 บ้านทรัพย์ตะเคียน ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ (ซึ่งการอาศัยนั้นจริงๆ แล้วไม่มีหลักแหล่ง) จึงได้ขอตรวจร่างกายอย่างละเอียด ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ว่ามีพฤติกรรมการเดินไม่ปกติ จึงให้ทำการชิดอัพลุกนั่งๆ โดยให้ใส่ผ้าถุง ได้มีก้อนที่ห่อด้วยพลาสติกสีดำหลุดออกมาจากทวารหนัก  จำนวน 3 ก้อน ทางเจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพทุกขบวนการเพื่อเป็นหลักฐานชั้นศาล ตรวจนับได้ยาบ้าจำนวน 792 เม็ด WY  ทางเจ้าหน้าที่โดย พันตำรวจโท นิกร  สุตจริตธรรม สวป.สภ.ไชยปราการ ได้นำตัวสอบสวนทันที และรับสารภาพ ทราบว่าได้รับจ้างให้ทำการลักลอบนำยาบ้าไปส่งยังเมืองเชียงใหม่ ให้กับนายทุน โดยได้รับค่าจ้างครั้งละ 7,000 บาท ทางตำรวจจึงได้นำตัวไปยังบ้าน เพื่อทำการขยายผลหายาเสพติดเพิ่มทราบว่ามีเพื่อนอาศัยอยู่ที่บ้าน มียาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลายหมื่นเม็ด เมื่อไปถึงได้หนีเข้าป่า เรียกเจ้าหน้าที่ให้ตามจับตัวเองให้ได้ ทางตำรวจทหารออกตามหาตัวแล้วจากการเข้าตรวจค้นในบ้าน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โทษอย่างน้อย 10 ปี ขึ้นไป