วันที่ 23 ธันวาคม2557 เวลา 06.00 น.

 เมื่อ 22 ธันวาคม2557 รับทราบข่าวลักลอบนำยาเสพติดออกนอกชายแดน และจับขยายผลถึง 23 ธ.ค.57 เวลา 09.00 น. เวลาประมาณ 13.00 น.  พ.ต.อ.ปิยะพันธ์   ภัทรพงศ์สินธุ์  ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นายภาษเดช  หงส์ลดารมภ์  นอภ.เชียงดาว  จ.เชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจภูธรเชียงดาว อาสาสมัครรักษาดินแดน และฝ่ายปกครองนอกเครื่องแบบจากการ รับทราบข่าวจากสายว่าจะมีชาวเขาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านขุนข้อน ลักลอบนำยาเสพติดส่งนายทุนในกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นผู้หญิงทั้งหมด เพราะว่าทราบว่าสายในชนเผ่าแจ้งรูปพรรณ และลักษณะ จึงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าสกัดที่ท่ารถประจำทาง หมู่ที่ 6 บ้านวังจ๊อม ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ สายฝาง-เชียงใหม่ ที่บ้าน เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ได้เห็นบุคคลตามที่แจ้งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 2 คัน มากัน5 คน แล้วขึ้นรถประจำทาง ไปถึงท่ารถช้างเผือก และต่อรถไปที่สถานีขนส่งอาเขต เพื่อจะต่อรถไปยังกรุงเทพฯ ต่อทางเจ้าหน้าที่เชียงดาว ได้ประสานขอความร่วมมือจาก ชุดสืบสวนภาค5 และชุดสืบสวนภูธรเชียงใหม่ พร้อมเข้าพื้นที่ เพื่อดักสกัดกั้นได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นบุคคลทั้ง 5 คน แต่ได้วิ่งหนีรอดไปได้ 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิงอีก 1 คน จับได้ น.ส.จิตราพร  อมรศิริสิงขร อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 16/3 หมู่ที่ 7 ต.เมืองงาย  อ.เชียงดาว  จ.เชียงใหม่ จำนวน 2 ก้อน รวม ได้ 1,600 เม็ด, น.ส.นารี  อมรศิริสิงขร  อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 185 หมู่ที่  7 ต.เมืองงาย  อ.เชียงดาว  จ.เชียงใหม่  2  ก้อนรวม 3,000 เม็ด  และนางมะทะ  ปะแอ๋ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่  7 ต.เมืองงาย  อ.เชียงดาว  จังหวัดเชียงใหม่ 2 ก้อน 2,800 เม็ด  โดยทั้งสามคน ได้ทำการซุกซ่อนยาเสพติดประเภทยาบ้าWY สีส้มแดงไว้ในช่องคลอดทุกคน ทางเจ้าหน้าที่จึงให้ชุดจับกุมหญิงทำการตรวจ และล้วงยาเสพติดออกมาจากช่องคลอดทั้งสามคน ซึ่งรับสารภาพว่ารับจ้างนำส่งให้กับนายทุน โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวนหนึ่งถ้าส่งของไปถึงกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลไปยังบ้านทั้งสามผู้ต้องหา และได้ออกหมายจับอีก 2 คน ที่หนีรอดไปได้แล้ว ยาเสพติดยังคงระบาดในพื้นที่ชายแดน และทะลักเข้าในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง มีวิธีการซุกซ่อนหลายรูปแบบแต่ก็ไม่พ้นความพยายามของเจ้าหน้าที่ได้

วันที่ 21 ธันวาคม2557 เวลา 06.00 น.

นายภาษเดช  หงส์ลดารมภ์  นอภ.เชียงดาว  จ.เชียงใหม่  พ.ต.อ.ปิยะพันธ์   ภัทรพงศ์สินธุ์ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่  พ.อ.จีรวัฒน์  นาคะรัตน์  ผบ.ฉก.ม5 กองกำลังผาเมือง นำเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจภูธร, ทหารกองกำลังผาเมือง,ตำรวจตระเวนชายแดน335, อาสาสมัครรักษาดินแดนเชียงดาว ประมาณ 80 นาย ขึ้นดอยนาง ตัดต้นฝิ่น ที่กำลังออกดอกพร้อมกรีดยาง มาทำสารเสพติดที่อันตรายสุดๆ สำหรับผู้ที่ตกเป็นทาสของยาเสพติด ได้ทำการตัด 2 วัน เพื่อทำการตัดให้สิ้นซาก จากบ้าน ขะแตะ หมู่ที่ 6 ต.เมืองงาย ไปจนถึงบ้าน ขุนข้อน หมู่ที่ 7 ต.เมืองงาย  อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งต้องตั้งแคมป์นอน 1 คืน เพื่อทำการกำจัดให้สิ้น กลางคืนต้องทำการก่อกองไฟผิงกันหนาว เพราะอากาศเย็นมากๆ ได้ทำการตัดจนหมดทั้งสิ้น 7 แปลง ประมาณ 30 กว่าไร่ ร่วมทั้งแปลงเล็ก และใหญ่ เพื่อทำการตัดไฟแต่ต้นลม ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมแรงร่วมใจ ในการทำงาน และกำจัดฝิ่นสารเสพติดตัวอันตรายให้หมดไป ก่อนจะเข้ามาทำลายเยาวชน ประชาชนคนไทย

วันที่ 18 ธันวาคม  2557 เวลา 08.00 น.

                น้ำฝางเป็นขุนน้ำที่ก่อต้นน้ำที่เทือกเขาดอยเวียงผา อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และมีสายร่องน้ำต้นทุนหลายรองน้ำที่ร่วมกันผลิตน้ำให้ กับลำน้ำฝางซึ่งน้ำสายนี้ จะไหลขึ้นเหนือลงน้ำกก และลงน้ำโขง  ต้นทุนน้ำหลายสายที่มารวมกันนี้มาจากพื้นที่ของ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ในอดีตนั้นไม่มีปัญหากับการใช้น้ำทั้งการเกษตร และการอุปโภคและบริโภค เพราะส่วนจำนวนประชากรไม่มาก การเกษตรก็ทำกันไม่มาก  แต่ในปัจจุบันนี้มีปัญหากันมาก น้ำไม่พอเพียงกับการทำการเกษตร ทางภาครัฐบาลก็จัดสรรงบประมาณมาทำฝาย ทำเขื่อน เพื่อเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะการเกษตรขยายพื้นที่ และขยายเวลาในการผลิตที่มากขึ้น อีกทั้งปัญหาประชากร คนบนเขา หรือชนเผ่า ขยายจำนวนประชากรมากขึ้น 13-16  ปี สาวน้อยก็แต่งงานมีลูกมีหลานกันเต็มบ้านเต็มเมือง ความต้องการในการดำรงชีพก็มากขึ้นทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากิน ก็ต้องทำการบุกรุก อาณาเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอุทยานฯ  ต้นไม้ใหญ่ ไม้ยืนต้น ถูกล้มก็หายไปวันละไม่ต่ำกว่า 5 ไร่ พื้นที่ก็เป็นแปลงเกษตรเลื่อนลอย ปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ซึ่ง เป็นพืชที่ไม่ได้สร้างน้ำ ป่าไม้ต้นทุนน้ำหายไป น้ำในลำน้ำฝางก็เริ่มปัญหาขึ้นมาทุกวัน หน้าน้ำๆท่วมสร้างความเสียหาย หน้าแล้งแห้งหนัก ไม่มีน้ำใช้ในการเกษตรสร้างความยากจนให้กับประชาชน

                ทางกลุ่มผู้ใช้น้ำฝาง ก็ได้ร่วมกันสร้างเครือข่ายขึ้น มาเพื่อหาทางช่วยฟื้นฟูแหล่งต้นทุนน้ำให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติดังในอดีตต่อไป  ทาง นายพงศ์ศักดิ์   สิทธิบุญมา ช่างโยธาชำนาญงานสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 1 นายพงพันธิ์  ตะติยา  คณะแกนนำกลุ่มลุ่มน้ำกกและน้ำโขง เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุก อบต. และเทศบาล 3 อำเภอ ได้จัดอบรมสัมมนาหัวหน้าเหมืองฝาย ที่ใช้น้ำฝาง น้ำกก ที่ลานหอประชุมเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่  โดยมี นายแสวง  กาศรีวิชัย ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มาเป็นประธานเปิดงานเพื่อร่วมรับฟังข้อคิดเห็น และแนวทางแก้ไข ร่วมกันอย่างเป็นทางการ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสามอำเภอ อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง และอำเภอแม่อาย และผลพลอยได้จากการร่วมแก้ไขอำเภอ แม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงรายก็จะได้รับประโยชน์ด้วย แนวทางการสัมมนาทางแกนนำก็เปิดประเด็นเรื่องป่าไม้ ต้นไม้หายไปมาก เพราะกลุ่มชนเผา ที่อาศัยอยู่เหนือต้นน้ำได้เข้าบุกรุกทำลายป่ามากขึ้น น้ำสาขาหลายสายหายแห้งไปแล้ว เพราะชาวเขานำพื้นที่จำนวนมาก ปลูกข้าวไร่ ปลูกข้าวโพด และย้ายเลื่อนลอย แก้ปัญหาส่งเสริมชาวเขาปลูกไม้เศรษฐกิจยืนต้น เช่น ลิ้นจี่,มะม่วง, ลำไย ฯลฯ  ทำการคุมกำเนิดประชากรให้ได้ผล และจำกัด อาณาเขตทำกินให้ได้ จึงจะหยุดได้  แต่ก็นายทุนใหญ่ที่ใช้เงินจ้างชาวเขาบุกรุก รับซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตรทำลายต้นไม้ต้น น้ำในอ่างเก็บน้ำหลายอ่างแห้งแล้วน้ำสาขาแห้งไม่มีน้ำเพียงพอในการไหลลงอ่างเก็บน้ำ บางอ่างเก็บน้ำได้น้อยลง เพราะตะกอนจากเศษต้นไม้ไหลลงอ่างตื้นเขินเก็บน้ำได้ไม่มาก เช่นอ่างเก็บน้ำบ้านแม่ทะลบ ก้นอ่างลึก 19 เมตร แต่สามารถเก็บน้ำได้เพียง 9 เมตร ตื้นขึ้นมา 10 เมตร ในการสัมมนานั้น ร่วมกันแก้ปัญหาทั้งต้นน้ำ  กลางน้ำ  ปลายน้ำ  เสนอการสร้างอ่างเก็บน้ำ ที่บ้านปางมะขามป้อม ที่ยังมีปัญหากับชาวบ้านอยู่ แต่เสนอให้สร้างสันเขื่อนต่ำลงมาอีก เพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมที่ทำกิน และบ้านเรือนประชาชน แล้วสรุปส่งให้กับทางรัฐบาล โดยฝ่ายกรมน้ำจะจัดเก็บข้อมูล ทำเรื่องเสนอต่อไป ผลจากการสัมมนาหาแนวทางแก้ไข ทางฝ่ายรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณลงมาช่วยเหลือสร้างอ่างเก็บน้ำ ฝายทั้งแก้มลิง ให้กับพื้นที่ 3 อำเภอแล้ว เช่น บ้านท่าสะแล ฟื้นฟูห้วยป่ายาง 120,000 บาท  บ้านสันมะกอกหวาน จัดระบบกระจายน้ำให้เกษตรกร 115,000 บาท บ้านห้วยโป่ง 120,000 บาท 

วันที่ 17 ธันวาคม  2557  เวลา 15.00 น.

                พลเอก ไพบูลย์  คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก่ราษฎรอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ที่โรงเรียนแม่อายวิทยาคม  อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีประชาชนมาทำการพิสูจน์จำนวน 300 คน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 17-19 ธันวาคม  2557 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง 18.00 น. ทุกวัน นายสุริยะ  ประสารทบัณฑิตย์  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และคุณหญิงหมอพรทิพย์   นำเยี่ยมชมนิทรรศการ ที่ทาง ส่วนราชการอำเภอแม่อายจัดไว้ โดยมีทั้งส่วนประชาชน และราชการร่วมจัดนิทรรศการ จนถึงรากหญ้าที่มาคอยต้อนรับ ได้ร่วมถ่ายภาพ กับนักเรียนชาวเขาโรงเรียนของตำรวจตระเวนชายแดน และถ่ายภาพร่วมกับกำนัน และนายก จากองค์การส่วนตำบลต่างๆ ในพื้นที่อำเภอแม่อาย ได้รับของฝากที่ระลึก ที่เป็นของจากผีมือชาวบ้าน ในแต่ละซุ้มนิทรรศการ ทางพลเอก ไพบูลย์  คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะทำการสอบถามถึงปัญหา และแนวทางแก้ไขโดยตลอด สนใจในการจัดทุกซุ้มนิทรรศการ และให้การสัมภาษณ์เกี่ยวกับ เรื่องของการขอสัญชาติ และความยุติธรรม และเป็นธรรมกับประชาชน ขอบคุณทางกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯ ที่ได้มาทำการตรวจพิสูจน์ ถึงความเป็นธรรมให้กับประชาชน และใช้ทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยพิสูจน์ ว่าเป็นเครือญาติว่าเป็นไทยแท้ แต่ก็ให้โอกาสพิสูจน์ เพราะแม่อายห่างไกล  ประชาชนคนไทยเหล่านี้ขาดโอกาส เกิดความเหลื่อมล้ำกัน ไม่ได้แจ้งเกิดตามกฎหมายเพราะเป็นเขตชายแดนการเดินทางมาส่วนราชการลำบาก และไม่รู้หนังสือขาดความเอาใจใส่จึงได้ขาดโอกาส ไม่ได้รับสิทธิของการได้รับสัญชาติไป จากนั้นได้เดินทางไปยัง หมู่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลบ้านหลวง อำเภอแม่อาย ซึ่งก็เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่มีความต้องการตรวจพิสูจน์การเป็นสัญชาติไทย