อดีตนายกรัฐมนตรีตามหาฝันที่พบจริง |
|
|
เขียนโดย VRP
|
อดีตนายกรัฐมนตรีตามหาฝันที่พบจริง
วันที่ 4 ตุลาคม 2554 เวลา 10.00 น.
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2554 เวลา 10.00 น พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อตีดนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมานมัสการที่อนุสาวรีย์ศาลช้างเผือก (ช้างทรงพระพรหมมหาราชในอตีด) ได้เดินทางมากับคณะ โดยก่อนที่จะมาฝันว่าช้างมาหาที่บ้าน นานแล้วเป็นเดือน แต่ไม่ทราบว่าอยู่แห่งหนใด และได้ฝันอีกว่าช้างเชือกเดียวกันมาหาอีก แต่ดูอย่างไรก็ต้องเป็นช้างทรงของกษัตริย์ในยุคก่อนแน่นอนเพราะมีเครื่องทรงอย่างดี ใช้งวงรัดข้อมือแล้วดึงให้ตามไปเห็น เป็นสถานที่บนดอยเป็นเนินเล็กๆ มีอนุสาวรีย์ช้าง 2 เชือก แต่เชือกที่เข้าฝันเป็นเชือกที่ 2 จะสร้างเอาไว้ด้านหลัง ซึ่งในฝันก็เห็นภูเขาและดอยเต็มไปหมด ได้ตื่นขึ้นมาก็คิดว่าทำไมจึงต้องฝันเห็นช้างทรงของกษัตริย์ เป็นการบังเอิญคนขับรถได้เอารูปถ่ายมาให้ดูก็ตกใจว่าทำไมถึงเหมือนในฝันถามคนขับรถว่าอยู่ที่ใด ทราบว่าอยู่ในอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 135 กิโลเมตร ก่อสร้างตามความฝันของร่างทรงที่ชื่อว่า นายจันทร์ วงค์ฤทธิ บ้านเลขที่ 465 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อตีดนายกรัฐมนตรี ได้จองเครื่องบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทันที ลงเครื่องก็ขึ้นรถมาที่ศาลเจ้าช้างเผือกทันที มาถึงก็รู้ว่าที่ฝันไปนั้น เป็นเรื่องจริงมีอยู่จริง ได้จุดธูปบูชา 9 ดอก สักการะหน้าศาล และนำเอาพวงมาลัยดอกไม้สด ที่เตรียมมาคล้องที่งาทั้งสองข้าง ทั้ง 2 เชือก เชือกหน้าเป็นช้างเผือกซึ่งร่างทรงแจ้งว่าเป็นช้างทรงพระเจ้าพรหมมหาราชในอดีต ส่วนเชือกหลังเป็นช้างทรงของเจ้าพ่อปู่เสือ (ทหารเอกพระเจ้าพรหมมหาราช) เป็นทหารเพรชฆาต ที่เมื่อตายแล้วไปเกิดไม่ได้เพราะฆ่าคนมามาก ก็ยังรักษาเมืองและรักษาไพร่ฟ้าประชาชนในพื้นที่เอาไว้ ชวลิต ยงใจยุทธ ได้สนทนากับนายจันทร์ วงค์ฤทธิ ร่างทรง ก็ทราบว่าได้สร้างตามที่ร่างทรงบอก แรกจริงๆได้ซื้อที่ดินและทำการขุดบ่อน้ำเพื่อเก็บน้ำใช้ในสวน และเลี้ยงปลา พบกระดูกของช้างก็ได้นำเอาไปเก็บไว้ที่ศาลเจ้าปู่ขาว กลับมาพักก็มีปัญหากับตัวเองดื่มเหล้าก็ไม่ได้ ทานเนื้อก็ไม่ได้ นอนกับเมียก็ไม่ได้ จะตายให้ได้ไปหาหมอก็ไม่เป็นอะไร วันแรกได้ถูกเจ้าปู่เสือเข้าทรงก็ทำการต่อต้าน ตามเนื้อตัวเจ็บมากเมื่อเราขัดขืน เจ้าปู่เสือบอกให้นำกระดูกช้างที่ขุดได้กลับมาไว้ที่เดิมแล้วให้สร้างช้างขึ้นมา 2 เชือก ตามที่ร่างทรงบอก แล้วเอากระดูกช้างใส่ในท้องช้างแยกกันเพราะเป็นกระดูกช้าง 2 เชือก เชือกหน้าเป็นช้างเผือกทรงพระเจ้าพรหมมหาราช ที่ปกครองเมืองทางเหนือ และช้างเชือกหลังช้างดำเขียวจะเป็นช้างทรงทหารเอกปู่เสือ ก็ได้สร้างทั้งที่ไม่มีเงิน เมื่อลงมือสร้างเองก็มีคนมาขอซื้อที่ดินตาบอดที่ขายไม่ได้มานานแล้ว ได้เงินมาประมาณ 8 แสนบาท ทั้งๆ ที่เคยประกาศขายไม่เกิน 3 แสน คนซื้อเข้ามาแล้วเสนอราคาให้ทันที ได้เงินมาสร้างจนสำเร็จ จะตั้งชื่อศาลเจ้าช้างร่างทรงบอกคนที่จะตั้งชื่อต้องเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทั้งปัจจุบัน และในอดีตชาติปางก่อนที่มาเกิดใหม่ถึงจะตั้งชื่อได้ คนธรรมดาตั้งไม่ได้จะเกิดวิบัติ เลยยังไม่มีชื่อศาลช้างทรงจนถึงวันนี้ อยู่ดีดีคุยกันดีๆ เจ้าปู่เสือก็มาเข้าร่างทรงนายจันทร์ หัวเราะดังสหายกูมาแล้ว กูให้ช้างทรงไปตามมึงมาหลายครั้งมึงไม่มาหากู แต่มึงก็นอนไม่ได้กินไม่ได้มึงก็มาจนได้ ก็ได้เล่าเหตุการณ์ในอดีตว่า พลเอกชวลิต เคยเป็นทหารพระเจ้าพรหม มหาราช มาก่อนในอดีต และเป็นสหายของทหารเอกเจ้าปู่เสือ รักษาบ้านเมืองมาด้วยกัน เมืองไทยเป็นเมืองที่มีพระเจ้าอยู่หัวปกครองและสู้รบเพื่อขยายอณาเขตแผ่นดินมาเป็นของเมืองให้ประชาชนได้ปลูกพืช ทำมาหากิน ก็ต้องแปลภาษาล้านนาดั้งเดิม เป็นภาษาไทยให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ฟังเป็นช่วงๆ แปลกแต่จริง พลเอกชวลิต ได้แจ้งให้ออกแบบสร้างศาลเพิ่มเติมแล้วจะหาทุนมาสมทบ
|
|
รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ราษฎรผู้ป |
|
|
เขียนโดย VRP
|
รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ราษฎรผู้ประสบภัยที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มอบถุงยังชีพพระราชทานให้ราษฎรผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากพื้นที่บ้านเปียงกอก ต.โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จำนวน 500 ชุด
วันนี้ (3 ต.ค.54) บริเวณวัดเปียงกอก ต.โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และคณะฯ พร้อมด้วย นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มอบถุงยังชีพพระราชทานให้กับราษฎรที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่บ้านเปียงกอก ตำบลโป่งร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยและทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากพระองค์ท่านทรงเสด็จมาในพื้นที่อำเภอฝางบ่อยครั้ง จึงทรงโปรดให้นำถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ จำนวน 500 ชุด พร้อมทั้งให้กำลังใจกับประชาชนทุกคนได้ต่อสู้และดำเนินชีวิตต่อไป รวมทั้งขอให้ระมัดระวังเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
หลังจากนั้น รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมคณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจดูสภาพความเสียหายและเยี่ยมเยียนราษฎร และในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์โครงการหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 และติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่งอน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
|
ส่วนอุทกวิทยาชียงใหม่เข้าเปลี่ยนระบบเตือนภัยรุ่นใหม่ในฝาง |
|
|
เขียนโดย VRP
|
ส่วนอุทกวิทยาชียงใหม่เข้าเปลี่ยนระบบเตือนภัยรุ่นใหม่ในฝาง
วันที่ 2 ตุลาคม 54 เวลา 10.00 น.
นายวีรวุธ พรรัตน์พันธ์ ผู้อำนวยการส่วนอุทกวิทยา เชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 1 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับแจ้งจากทางหมู่บ้านห้วยเฮี่ยน หมู่ที่ 10 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าในเรื่องการเตือนภัยในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 54 เสาร์ที่ฝ่านมา ว่าเครื่องเตือนภัยที่ติดตั้งเป็นเครื่องรุ่นเก่าทำงานได้หรือไม่ เพราะไม่สามารถที่จะตรวจเชคระบบได้และทางชาวบ้านในหมู่บ้านประมาณ 1,000 กว่าครอบครัวยังไม่มั่นใจว่าเครื่องเตือนภัยจะใช้ได้จริงหรือไม่ จึงได้สั่งการให้นายอมร ทิพย์แดง หัวหน้าชุดปฏิบัติการ นำช่างสนามนำเครื่องเตือนภัยรุ่นใหม่เข้าติดตั้งให้กับชาวบ้านโดยเร็วที่สุด และให้แจ้งให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้ดูแล ให้รับทราบในการเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่และให้สอนวิธีใช้และวิธีทดสอบการทำงานของเครื่องให้เข้าใจในการทำงานของเครื่อง โดยเครื่องเตือนภัยรุ่นใหม่นี้จะเริ่มทำการนำไปสับเปลี่ยนเครื่องรุ่นเก่าทั้งหมด เพราะรุ่นใหม่นี้ได้ตรวจเชคการทำงานได้ทันที การแจ้งเตือนของเครื่องจะแจ้ง 3 ระบบ คือ1 จะแจ้งเตือนสัญญานไฟเขียวพร้อมเสียงไซเลน ต่อเสียงไซเลน 1 ครั้งทุกๆ20 นาที ระดับ 1ให้เฝ้าระวัง 2 จะแจ้งเตือนสัญญานไฟสีเหลืองพร้อมเสียงไซเลน ต่อเสียงไซเลน 1 ครั้งทุกๆ15 นาที ระดับ2 ให้เก็บสิ่งของที่จำเป็นทั้งยารักษาโรคที่จำเป็นตลอดอาหารยังชีพ และรอสัญญานต่อไป 3 จะแจ้งเตือนสัญญานไฟสีแดงพร้อมเสียงไซเลน ต่อเสียงไซเลน ดังต่อเนื่อง อันตรายระดับที่ 3 ให้พร้อมอบยพประชาชนไปในที่ปลอดภัย ปฏิบัติตามขั่นตอนที่ได้ฝึกอบรมในการอพยพ ซึ่งทางผู้นำชุมชนและผู้ดูแลเครื่องได้ทำความเข้าใจในการทำงานแจ้งเตือนของเครื่อง เป็นอย่างดี เครื่องที่ติดตั้งได้ทำการทดลองใช้และทำงานตามระบบมาตรฐาน ซึ่งระดับน้ำฝนตกมากถึง 82.5 มิลลิลิตรก็จะแจ้งเตือนในระดับที่ 1ไฟเขียว ระดับน้ำฝนตกมากถึง 97.5 มิลลิลิตรก็จะแจ้งเตือนในระดับที่ 2ไฟเหลือง ระดับน้ำฝนตกมากถึง 120 มิลลิลิตรก็จะแจ้งเตือนในระดับที่ 3ไฟแดง
|
สำนักชลประทานที่ 1 ออกชี้แจงความปลอดภัยอ่างห้วยเฮี่ยน |
|
|
เขียนโดย VRP
|
สำนักชลประทานที่ 1 ออกชี้แจงความปลอดภัยอ่างห้วยเฮี่ยน
วันที่ 2 ตุลาคม 2554 เวลา 11.00 น.
ทางแกนนำหมู่บ้านได้ร้องขอให้สื่อมวลชน ออกตรวจแนวน้ำซึมหน้าอ่างเก็บน้ำห้วยเฮี่ยน ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่ามีรอยรั่วของน้ำหลายจุด กลัวจะเกิดอ่างแตกถ้าน้ำป่าเข้าอ่างจำนวนมากๆ ซึ่งในช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน และได้ออกอากาศไปหลายสถานี วันนี้ นายชัชชัย เพชรอักษร หัวหน้าฝ่ายจัดการความปลอดภัยเขื่อนส่วนวิศวกรรมบริหาร สำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ ได้เข้ามาทำการตรวจพื้นที่เขื่อนและมีกลุ่มชาวบ้านห้วยเฮี่ยน และกลุ่มผู้ใช้น้ำ ในตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมในการสำรวจ และรับฟังจากปาก นายชัชชัย เพชรอักษร หัวหน้าฝ่ายจัดการความปลอดภัยเขื่อน ว่าเขื่อนนั้นปลอดภัยแน่นอน เพราะน้ำ ที่ออกมาจะออกมาในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และเป็นเรื่องปกติของเขื่อนที่ออกแบบมาเป็นอย่างนี้ ตัวเขื่อนเป็นดินเหนียว ซึ่งจะมีความชื้นบางเป็นเรื่องปกติ และได้ร่วมกันออกตรวจสอบแล้วขอรับรองว่าเขื่อนปลอดภัย 100% และขอให้ทางชาวบ้านหรือกลุ่มผู้ใช้น้ำช่วยกันดูแลอย่าให้พวกวัชพืช หรือมีสิ่งกีดขวางหน้าฝายน้ำล้นหรือสปีนเวย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่ช่างชลประทาน ได้มาให้คำรับรองและชี้แนะวิธีรักษาเขื่อน ก็ห้ามนำต้นไม้มาปลูกบนสันเขื่อนเพราะจะทำให้เกิดการกัดเซาะของน้ำช่วงที่รากยั่งลึกได้ถ้าต้นไม้ขึ้นก็ต้องตัดทิ้ง ส่วนหญ้าที่ออกตามหน้าเขื่อนไม่ต้องตัดหรือเอาออกเพราะจะช่วยในการยึดหน้าดินไม่ให้สึกกร่อนและเกิดน้ำกัดเซาะได้
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจที่อ่างเก็บน้ำห้วยบอน ซึ่งในปีนี้ก็ได้มีน้ำเข้าอ่างเต็มแล้วและไม่สามารถเก็บได้อีกจึงปล่อยล้นออกสปินเวย์ไป ตัวสันเขื่อนแข็งแรงมากมีความปลอดภัยสูง เพราะฉะนั้นก็ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอรับรองว่าอ่าง ยังมีความแข็งแรงมาก และปลอดภัยมาก ก็ต้องให้ทางผู้ใช้น้ำมาช่วยกันพัฒนาเอาเศษขยะออกจากหน้าสันเขื่อนและหลังสันเขื่อน ช่วงสปีนเวย์ก็ให้เอาต้นไม้หรือเศษวัสดุที่ขวางอยู่เอาออกให้หมด
|
โคลนน้ำป่าทะลักหมู่บ้านตาย 1 หาย 2 เสียหายมาก |
|
|
เขียนโดย VRP
|
โคลนน้ำป่าทะลักหมู่บ้านตาย 1 หาย 2 เสียหายมาก
วันที่ 24 กันยายน 2554 เวลา 07.30 น.
น้ำป่าทะลักหมู่บ้านจมโคลนเกือบ 2 เมตร รถยนต์ไหลน้ำเกือบ 50 เมตร คนตายแล้ว 1 ยังหาไม่พบอีก 2 คน สะพานขาด ถนนพังใช้การไม่ได้ ที่บ้านเปียงกอก หมู่ 6 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่น้ำป่าทะลักเข้ามาเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 23 กันยายน 54 หลังจากเครื่องเตือนภัยดังขึ้นไม่ถึง 5 นาที ชาวบ้านกำลังจะหลับนอน เสียงดังมาเร็วมาก ชาวบ้านร้องเรียกกันเป็นทอดๆให้ออกจากบ้านหาที่หลบ บางคนได้ปีนขึ้นหลังคาบ้าน ดันหลังคาออกแล้วขึ้นไปอยู่ข้างบนหลังคา ทุกบ้านไม่สามารถที่จะเก็บของหนีได้ทันเพราะน้ำมาเร็วมากและเป็นน้ำโคลนและไม้ซุงขนาดใหญ่ เล็กไหลมากับน้ำ ดันเอารถยนต์ที่จอดในบ้านไหลไปไกลกว่า 50 เมตร และจมอยู่ใต้ดินโคลน น้ำลดในเวลาประมาณ 03.00 น.วันนี้น้ำป่าเข้าท่วมบ้านเรือนในครั้งนี้สูงประมาณ 2 เมตรเศษ ได้มีเด็กหายไปทั้งหมด 3 คน พบศพแล้ว 1 คนเป็นเด็กชายอายุ 6 เดือนเศษชื่อเด็กชายคีม ไทยใหญ่ ส่วนที่หาศพยังไม่พบนั้น มีอายุประมาณ 6 ขวบ และ 8 ขวบ ความเสียหายยังไม่สามารถที่จะสำรวจได้ในเวลานี้ ทางหน่วยงาน เทศบาล และ อบต.ที่มีรถตัก ได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว ส่วนทางทหารกองกำลังผาเมือง ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจแล้ว และทางหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่32 ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจแล้ว ในด้านการช่วยเหลือเบื้องต้นคงให้ทาง อบต.โป่งน้ำร้อนช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ส่วนถนนเข้าไปในที่ทำการอุทยานฟ้าห่มปกนั้นถนนขาด และสะพานขาดไม่สามารถที่จะผ่านเข้าไปได้ในช่วงนี้
|
|
|
|
<< เริ่มแรก < ย้อนกลับ 141 142 143 144 145 146 147 148 149 150 ถัดไป > สุดท้าย >>
|
JPAGE_CURRENT_OF_TOTAL |