ฝึกอบรมชาวบ้านแกะสลักเศษไม้สนองแนวพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียง

วันที่ 21 กันยายน 2554 เวลา 08.30 น.

                ชาวบ้านที่ไม่มีงานทำ ว่างงาน คนที่ต้องการฝึกฝีมือ อยากมีอาชีพ อยากเสริมรายได้ ร่วมเข้าฝึกอบรมโดยปฏิบัติจริง แกะสลักเศษไม้เพื่อจำหน่ายมีรายได้จริง สนองแนวพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียง

                ทางเทศบาลบ้านปิงโค้งได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน ตามแนวเศรษฐกิจแบบพอเพียงอยู่ดีกินดี เชิงบูรณาการ เฉลิมพระเกียรติในหลวง 84 พรรษา ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการจริง ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553- 2554 และในระหว่างวันที่ 15 -21 กันยายน 2554 ได้นำวิทยากรภาคประชาชนที่มีความสามารถมีทักษะมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องการแกะสลักเศษไม้ ณ วัดบ้านปางเฟือง หมู่ที่ 7 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ชาวบ้านจะว่างงานไม่มีอะไรทำ ก็มั่วสุมกินเหล้า เล่นการพนัน ไม่เกิดประโยชน์กับครอบครัว ทำให้ครอบครัวแตกแยก และตามหมู่บ้านจะมีเศษไม้จำนวนมาก เป็นต้นทุนอยู่แล้ว ซึ่งส่วนมากก็จะนำมาทำเป็นฟืนเสียหมดไม่มีค่าอะไร จึงจัดนำสิ่งที่ไม่มีค่ามาทำให้มีค่าและเป็นรายได้เสริมกับชาวบ้านได้ มีชาวบ้านที่สนใจเข้าร่วม 25 คน เพื่อเปิดทางนำร่องก่อนเข้ารับการอบรมและลงมือทำจริง นำเอาเศษไม้สัก เศษไม้ไผ่ เศษไม้ยาง ฯ นำมาทำการฝึกแกะสลัก และก็สามารถทำได้แล้วแต่ต้องฝึกไปเรื่อยๆ ก่อนเพื่อให้เกิดทักษะ แล้วจึงจะทำการฝึกสอนชาวบ้านในรุ่นต่อๆ ไป งานบางชิ้นมีคนมาจับจองและตีราคาแล้ว ชิ้นงานที่ฝึกได้ชิ้นละ 400-500 บาท

                ซึ่งนายบุญส่ง โกวรรณ สมาชิกเทศบาล หมู่บ้านปางเฟือง เป็นคนหนึ่งที่ได้เข้ามาฝึกอบรมเปิดเผยว่าการลงมือทำกันจริงๆ 7 วันก็ได้เรียนรู้อะไรมาก เข้าใจในการจินตนาการและการออกแบบ และยากมากในช่วงแรกๆ ว่าคงทำไม่ได้ แต่พอลงมือทำกันจริงๆ ก็ง่ายขึ้นทุกๆวัน และทางหมู่บ้านจะพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ และจะจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนแกะสลักเศษไม้ แล้วเปิดร้านข้างทางเพื่อนำชิ้นงานฝีมือชาวบ้านขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มต่อไป ชาวบ้านนอกจากทำไร่ ทำสวนแล้วก็จะว่างงานอยู่กันเฉยๆ เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ถ้า ว่างแล้วมาทำการแกะสลักเศษไม้ ค่อยๆ ทำไป ใช้เวลาว่างมาทำ เมื่องานเสร็จขายได้ก็มีเงินจุนเจือครอบครัวได้อีกทาง ไม่ต้องไปเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

ผบ.ผาเมืองเปิดงานรวมพลังราษฏรอาสาป้องกันภัยยาเสพติดและมอบสนามเด็กเล่น เมืองนะ

วันที่ 20 กันยายน 2554 เวลา 11.30 น.

           พลตรี ปราการ ชลยุทธ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เดินทางเป็นประธานเปิดกรวยถวายพระพรในหลวงและพระราชินีนาถฯ งานรวมพลังราษฏรอาสาป้องกันภัยยาเสพติดและมอบสนามเด็กเล่น เมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการป้องกันและแก้ไขยาเสพติดโดยใช้พลังชุมชนด้วยโครงการกองทุนแม่ของแผ่นดินทำให้ชุมชนหรือหมู่บ้านชายแดน ที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรงหรือมีปัญหาซ้ำซากจำต้องสร้างพลังชุมชนให้มีบทบาทในการแก้ปัญหาของชุมชนเองอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค3ส่วนแยก2 ได้จัดฝึก “ราษฏรอาสาป้องกันภัยยาเสพติด” จำนวน 74 รุ่น, 3375 คน เพื่อให้กลุ่มพลังมวลชน รสปส.รวมถึงราษฏรทั่วไปได้ และในวันนี้ก็ได้มีการรวมพลังประชาชน และนักเรียนโรงเรียนบ้านนาหวายประมาณ 600 คนร่วมกล่าวปฏิญาณตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและร่วมจัดนิทรรศการการต่อต้านยาเสพติด และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และร่วมในการปลูกต้นไม้ในโรงเรียนเป็นต้นดอกจำปี

          พลตรี ปราการ ชลยุทธ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ให้สัมภาษณ์เรื่องการจัดให้ชุมชนช่วยเหลือเป็นการข่าว เรื่องยาเสพติด เรืองการบุกรุกผืนป่าตลอดจนร่วมในการสร้างฝาย ปลูกป่า ก็เป็นที่น่าภูมิใจว่าชาวบ้านจริงแล้วสามารถที่จะช่วยเหลือตนเองได้แต่ต้องมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามเป็นตัวประสานจึงจะเกิดความเข้มแข็งอย่างถาวรยื่นยง

          จากนั้นได้เดินทางมอบสนามเด็กเล่นที่ศูนย์เด็กเล็กบ้านเมืองนะ ซึ่งเป็นโครงการของ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เมื่อเดินทางมาพบและเห็นมีเด็กจำนวนมากมีของเล่นไม่พอเพียงจึงได้สั่งให้จัดหาของเด็กเล่นให้สมวัยเพื่อการพัฒนาของเด็กซึ่งมีเด็กก่อนวัยเรียนประมาณ 106 คน ครูพี่เลี้ยง 5 คน เด็กส่วนมากจะเป็น ชาวไทยใหญ่ ,ลาหู่ และลีซู บรรยากาศที่เด็กมีของเล่นสร้างความดีใจเป็นอย่างมากและทางผบ.ผาเมือง นำตัวแพนด้าและกระต่ายไปเล่นกับเด็กด้วย ทั้งเด็กและผู้ปกครองได้ลงเล่นในสนามเด็กเล่นอย่างอบอุ่น มีการเลี้ยงไอศกรีมมแก่เด็กๆ ในโรงเรียนด้วย

ร่วมใจภักดิ์รักษ์สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติในหลวง 84 พรรษา

วันที่ 17 กันยายน 2554  เวลา 09.30 น.

         จากสถานการณ์น้ำป่าไหลแรงและทำลายทรัพย์สินประชาชนบางพื้นที่ ต้องเสียชีวิตคนในครอบครัวไปก่อนนวัยอันควร สาเหตุจากการตัดไม้ทำลายป่า พอถึงหน้าแล้งก็ขาดน้ำอย่างหนักจนต้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐหาน้ำมาให้ห้สาเหตุจากป่าไม้เหลือน้อยลงมาก  เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เห็นความสำคัญของป่าไม้และสิ่งแวดล้อม

         อุทยานแห่งชาติฟ้าห่มปกและสมาคมผู้ปกครองครูโรงเรียนรังสีวิทยา จัดทำการปลูกป่าในโครงการร่วมใจภักดิ์รักษ์สิ่งแวดล้อม เฉลิมพระเกียรติในหลวง84พรรษา ที่ผืนป่าไม้ต้นน้ำบ้านห้วยงูใน หมู่ที่ 5 ตำบลสันทราย  อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดย นายสำราญ   แสงสงค์  นายกสมาคมผู้ปกครองครูโรงเรียนรังษีวิทยา ร่วมเป็นประธานในการปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นโครงการปลูกป่าที่ต้องการนำนักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่จริงเข้ามาร่วมกันรับรู้ปัญหา ปลุกจิตสำนึกและร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์ระยะยาวของสังคมและชุมชนส่วนรวมที่จะต้องร่วมกันแก้ไข และร่วมกันอนุรักษ์ รับรู้ในด้านสิ่งแวดล้อมสร้างผืนป่าใหม่ให้เป็นแหล่งต้นทุนน้ำและความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมและจะอนุรักษ์  ให้เยาวชนได้เข้าทำการศึกษาหาความรู้ต่อไปในอนาคต มีนักเรียนโรงเรียนรังษีวิทยา  นักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยงูใน ชาวบ้านปากะยอบ้านห้วยงูใน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรฝาง  เจ้าหน้าที่ป่าไม้อุทยานแห่งชาติฟ้าห่มปก องค์การบริหารส่วนตำบลสันทราย ประมาณ 200 คน ได้ปลูกต้น สักทอง,ต้นรัก,ต้นยางนา,ต้นอินทนิน,ต้นหางกาน,ต้นเหลืองอินเดีย,ต้นแหน,ต้นราชพฤกษ์,พญาเสือโคร่ง,ต้นตะแบก  จำนวน 2,999 ต้น  ในจำนวนพื้นที่ 12 ไร่เศษ  นายธนากร  สารี  เจ้าหน้าที่พนักงานพิทักษ์ป่า 7 หัวหน้าสายตรวจอุทยานแห่งชาติฟ้าห่มปก ฝาง แม่อาย ไชยปราการ  เล่าว่าป่านี้ซึ่งเคยเป็นป่าทืบ มีไม้ขึ้นหนาแน่นแต่ถูกนายทุนบุกรุกเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับดำเนินคดีจนต้องมีการตั้งค่าหัวเจ้าหน้าที่ป่าไม้  แต่ก็สู้คดีทางป่าไม้ชนะได้ยึดคืนและทำการปลูกต้นไม้คืนสู่ป่าอีกครั้ง และในการเฝ้าดูแลก็จะเป็นหน้าที่ของทางอุทยานฯ และทหารกองกำลังผาเมืองที่จะร่วมในการอนุรักษ์และรักษาป่า  ต่อไป และทางป่าไม้ได้ทำแนวและปักหลักเขตแสดงว่าเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติฟ้าห่มปกแล้ว ถ้ามีการบุกรุกอีกไม่ไม่ว่าในพื้นที่ไดทางอุทยานก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในการไม่ให้มีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอุทยานแห่งชาติ

สั่งปิดบ่อทิ้งขยะอำเภอฝางขยะล้นส่งกลิ่นเหม็น

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 54  เวลา 10.00 น.

โรงทิ้งขยะอำเภอฝางล้นปล่อยน้ำเสียเข้าสู่ชุมชนใกล้เคียงทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลเวียงสั่งปิดบ่อขยะแล้วรอการแก้ไขถึงจะเปิดทำการได้

นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปลัดอาวุโสรักษาการแทนนายอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นประธานไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างเทศบาลเวียงฝาง กับชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากทางเทศบาลตกลงกับชาวบ้านก่อนสร้างที่ทิ้งขยะว่าจะจัดระบบไม่ให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสียหายมีการจัดการอย่างเป็นระบบ ขยะสามารถกลับนำมาใช้ใหม่ได้อีก ซึ่งช่วงแรกๆ นั้นขยะมีน้อยยังไม่สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านได้  ซึ่งมีมากขึ้นการจัดระบบอย่างดี แต่พอเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลามากกว่า 5 ปีการที้งขยะจึงมีการนำขยะมาทิ้งจำนวนมากขึ้น การดูแลจัดการก็เป็นไปไม่ตามระบบที่จัดการไว้ ทำให้น้ำดำๆ ของขยะเริ่มล้นออกมาจำนวนมาก และยังส่งผลให้กับชาวนาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับผล น้ำเน่าลงสู่นาชาวบ้านและลงในบ่อน้ำบาดาลที่ชาวบ้านใช้กิน  ทาง กำนันสุทัศน์ ดวงไทย ประธานกำนันผู้ใหญ่บ้าน กำนันดีเด่น สองสมัย  ได้พาสื่อมวลชนเข้าตรวจที่ทิ้งขยะของเทศบาลเวียงฝาง ที่สร้างด้วยงบประมาณ สองร้อยกว่าล้านบาท แต่ปัจจุปันสร้างความเสียหายให้กับประชาชนแล้ว ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไกล 2-3 กิโลเมตร กองขยะสูงเกินกว่า 10 เมตร และให้เอกชนรับสัมปทานดูแล และทำการรีไชเคิลขยะตลอดจนการบำบัดน้ำเสีย  เครื่องบำบัดน้ำเสียก็เสียใช้การไม่ได้  จึงได้นัดส่วนเทศบาลเวียงฝาง และนายกอบต,ทุกตำบลมาปรึกษาหารือกันในการหาทางแก้ไข ซึ่งทั้งหมดลงความเห็นว่าจะต้องทำการงดรับขยะนอกอำเภอฝาง ซึ่งปกติจะรับทุกอำเภอและรับต่างจังหวัดด้วยวันละ 70 ตัน  ให้ทาง นายฐานิศร์ กมลรัตนา นายกเทศบาลเวียงฝาง ทำการแก้ไขขยะเก่าอย่างถูกวิธีโดยการขุดหลุมและทำการบดอัดใช้แผ่นพลาสติกรองก้นหลุมกันน้ำจากขยะล้นออกสู่ชุมชน  และส่วนของขยะในเขตอำเภอฝางนั้นให้ทางอบต.ทุกตำบลลงขัน อบต. ละ 3 แสนบาท ทำการขุดหลุมทิ้งขยะจุดใหม่เพื่อจะทำการขุดหลุมฝังกลบภายหลัง  และต่อไปจะงดรับขยะจากอำเภออื่นๆ รับเพียงขยะอำเภอฝางเท่านั้น  ทาง นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปลัดอาวุโส รักษาการแทนนายอำเภอฝาง ทำการแทนนายอำเภอฝาง ก็ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าหากันเอื้ออาทรต่อกัน และสรุปว่างดรับขยะจากอำเภออื่นๆ ชั่วคราวให้ทางอำเภอทำเรื่องขออนุมัติใช้เงินกองทุนของ อบต.ทุกตำบลและเทศบาล โดยยกเว้นข้อปฏิบัติของกระทรวงมหาดไทยต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เพื่ออนุมัติการใช้เงินมารวมกันจัดการขุดหลุ่มเพื่อทิ้งขยะแก้ปัญหาเร่งด่วนแล้ว  สาเหตุที่ขยะล้นกองเท่าภูเขา เพราะทางบริษัทรับเหมาจากเทศบาลไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบการกำจัดขยะ และไม่ทำการรีไซเคิลขยะอย่างแท้จริง ซึ่งต่อไปทางอบต.เวียงจะรับดำเนินการต่อจากเทศบาล และยกเลิกบริษัทฯ ที่ทำการสัมปทาน